พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" เมื่อวันศุกร์ที่ 03 กรกฎาคม 2558

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" เมื่อวันศุกร์ที่ 03 กรกฎาคม 2558

วันที่นำเข้าข้อมูล 8 ก.ค. 2558

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565

| 2,535 view
รายการคืนความสุขให้คนในชาติ
 

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม 2558 เวลา 20.15 น.

 

สวัสดีครับ พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน

ขณะนี้ผมกำลังปฏิบัติหน้าที่ในการประชุมที่ประเทศญี่ปุ่น ในห้วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น รัฐบาลได้มีการประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร ครั้งที่ 2 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมในเรื่องของการบริหารจัดการน้ำ ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกด้วย ต้องขอขอบคุณทุกหน่วยงาน ส่วนราชการที่มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จริง ๆ แล้วผมไม่อยากจะรบกวนใครมากนัก ต้องการไปเห็นสภาพความเป็นจริงมากกว่า และก็มีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับพี่น้องประชาชน และข้าราชการในพื้นที่ทุกคน อันนี้ก็ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างมาก ที่มาดูแลผมอย่าง ด้วยความเต็มอกเต็มใจ ผมก็มีกำลังใจในการจะทำหน้าที่เพื่อพวกท่านต่อไป หากทุกคนนั้น มีความร่วมแรงร่วมใจกันต่อไป มีความรักสามัคคี แล้วทำหน้าที่ของตนเองตามบทบาของตนเองให้ดีที่สุดนั้น ส่วนรวมก็จะได้ผลประโยชน์ และกลับมาที่ประชาชนในสุดท้าย

รัฐบาลยังยืนยันอยู่เสมอว่า เราจะดูแลพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ให้เกิดความเท่าเทียม ทั่วถึง ทุกคน ทุกภาค ก็คนไทยด้วยกันทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นเราจะต้องไม่มีการแบ่งแยกโดยเด็ดขาด ขอฝากข้าราชการทั้งส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่นต้องช่วยกันทั้ง 2 ส่วน อยู่ในระบบการปกครองประชาธิปไตยไทยในปัจจุบัน เพราะฉะนั้นต้องเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ผมได้พูดกับบรรดาสมาชิกองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่นไปแล้ว กับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ส่วนหนึ่งไปแล้ว ทั้ง 2 ส่วนต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และเชื่อมโยงกันให้ได้

ช่วงนี้อยากให้ช่วยกันพัฒนาคุณภาพ ความเข้มแข็ง แล้วก็ดูแลเรื่องการใช้จ่ายของประชาชนในพื้นที่ ทำอย่างไรก็ได้ให้เขาสามารถที่จะมีการซื้อขาย มีตลาดมีสินค้าทางการเกษตรของเขาเอง ในการที่จะเพิ่มรายได้ของเขาดีว่าที่จะต้องไปซื้อของแพง ๆ มาใช้กัน เพราะฉะนั้นวันนี้ทุกคนจะต้องช่วยกันลดการทำงานการเมืองลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเมืองท้องถิ่น ยังไม่ต้องเตรียมการอะไรทั้งสิ้น เวลาก็ยังมีอยู่มากมาย ขอให้ทุกคนได้ทุ่มเท เสียสละ สร้างความเข้มแข็ง เราจะเดินหน้าประเทศแบบเดิม ๆ ด้วยการเมืออย่างเดียวไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นประชาชนก็จะแตกกันเป็นพวกเป็นฝ่าย แล้วก็ไม่เข้มแข็ง เมื่อไม่เข้มแข็งรัฐบาลก็แก้ไขอะไรไม่ได้ เราก็จะล้าหลัง ไม่ทันประเทศอื่น ๆ ในอนาคตด้วย

สำหรับเรื่องสำคัญวันนี้ก็อยากจะกราบเรียน ก็คือในเรื่องของความขัดแย้งในพื้นที่ต่าง ๆ  ในประเทศนั้นเราจะต้องยุติให้ได้โดยเร็ว ไม่ว่าจะเป็นรัฐ ข้าราชการ ธุรกิจ เอกชน สำหรับคำว่าประชาธิปไตยนั้นประชาชนก็ต้องเข้าใจ ว่าประชาธิปไตยที่มีคุณภาพนั้น ควรจะต้องเป็นอย่างไร ต้องเตรียมตัวให้พร้อมอย่างไร นักการเมืองจะต้องเตรียมตัวอย่างไร ข้าราชการต้องเตรียมตัวอย่างไร ยังมีเวลาอยู่ที่จะไปสู่จุดนั้น ในจุดนี้เราต้องเอาปัญหาต่าง ๆ มาคลี่คลาย มาแก้ไข มาสร้างความเชื่อถือไว้วางใจทั้งในประเทศและต่างประเทศ

วันนี้มีความขัดแย้งหมด ทุกภาคส่วนเลย แล้วก็ทำให้เกิดปัญหา รัฐบาลนั้นเราจะลงไปทุ่มเท ในแต่ละปัญหา อย่างหนึ่งอย่างใดก็ไม่ได้ ก็ต้องทำทุกอย่าง ในเมื่อมีปัญหาอยู่ 100 ปัญหาก็ต้องนำ 100 ปัญหานั้นมาคลี่ออก แล้วก็แตกเป็นปัญหาเล็กน้อยหลาย 100 ปัญหา เราก็ต้องจัดลำดับความเร่งด่วนในการทำเป็นระยะที่ 1-2-3 เพื่อจะได้ทำให้สถานการณ์ที่รุนแรงหรืออยู่ในขั้นวิกฤตินั้นลดลงไประดับหนึ่งก่อน เพราะฉะนั้นความขัดแย้งเป็นสิ่งสำคัญ ความมีเสถียรภาพของรัฐบาล ความสงบสุขของประชาชนในพื้นที่ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นประชาชนทั่วไป นิสิต นักศึกษา ก็ต้องขอร้อง เราจะแก้ปัญหาทีเดียวทุกเรื่องไม่ได้ ถ้าเราจะเอาประชาธิปไตยทันที แล้วเราก็จะเอาทั้งความสงบเรียบร้อย เราจะเอาทั้งความเข้มแข็ง เราจะเอาทั้งปัญหาทั้งหมดต้องแก้ให้ได้ภายในระยะเวลาที่เร่งด่วน ทำไม่ได้ทั้งสิ้น ก็ขอเวลากัน ให้เข้าใจกันตรงนี้ อย่ามาขัดแย้งกันต่อไปเลย ทุกอย่างกลับมาที่เดิมหมด

เพราะฉะนั้น ขอให้ทุกคนทุกส่วนได้มีการบูรณาการ ประสานงานในการทำงานทุ่มเท เสียสละ ซื่อสัตย์สุจริต แล้วดำเนินการต่าง ๆ ในเชิงรุก เพราะเรามีปัญหาอยู่ มีวิกฤติอยู่ เพราะฉะนั้น ถ้าจะเดินหน้าประเทศอย่างด้วยวิธีการปกติอย่างเดียว ไม่ได้ ทำงานเชิงรับไม่ได้ ท่านต้องเชิงรุกไปด้วย แล้วก็พร้อมกับการสร้างความเข้าใจสร้างความปรองดองแล้วก็พัฒนาโดยให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง  เลิกนึกถึงประโยชน์ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือของคนใดคนหนึ่งได้แล้ว ช่วงนี้ขอให้เข้มแข็งก่อน แล้วทุกอย่างก็จะกลับมาสู่ประชาชนทุกคนอย่างทั่วถึง ภายใต้กฎหมาย และการสร้างสังคมที่มีคุณธรรม จริยธรรมมันต้องใช้เวลา ไม่ได้สร้างง่าย ๆ ภายใน 1 วัน ภายในปี 2 ปี เหล่านี้ต้องใช้เวลาสร้างอย่างต่อเนื่องเป็น 10 ๆ ปีต่อไป ทั้งนี้เพื่อจะสร้างความสงบสุขอย่างยั่งยืนของประเทศให้ได้

งานในด้านความมั่นคงนั้น ในเรื่องของความมีเสรีภาพอะไรต่าง ๆ เหล่านั้น ผมพูดไปแล้ว การเป็นประชาธิปไตยนั้นต้องมีความพร้อม หลาย ๆ เรื่องไม่ว่าจะเป็น รัฐธรรมนูญ กฎหมาย ในส่วนของอำนาจต่าง ๆ ที่จะต้องไม่คาบเกี่ยว ไม่ซับซ้อน ไม่ทับซ้อนกัน ทำให้เกิดปัญหาในการปฏิบัติราชการ หรือในการบริหารราชการแผ่นดิน เหล่านี้กำลังแก้อยู่ในการปฏิรูป ในสภานิติบัญญัติ (สนช.) ทั้งสิ้น ทุกคนทราบดีแล้วว่า เรามีกฎหมายหลายฉบับที่ออกมาแล้ว พิจารณาอยู่แล้วทั้งหมดถ้ารวม ๆ แล้ว ในขณะนี้ก็ประมาณ 300 กว่าฉบับ หลายเรื่องด้วยกัน หลายมิติด้วยกัน จะเห็นได้ว่าเราพยายามเร่งตรงนั้น กฎหมายจะทำให้ทุกอย่างสงบลงได้ แต่กฎหมายมีไว้เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์ ไม่ได้มุ่งหวังเพียงให้เจ้าหน้าที่นั้น สามารถที่จะมีเครื่องมือในการบังคับใช้กับประชาชนอย่างเดียว ถ้าไม่ขัดแย้งกัน ไม่ต้องมีก็ได้กฎหมาย ไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ วันนี้ทุกคนก็ต้องการประชาธิปไตย ต้องการเสรีภาพ ต้องการอะไรต่าง ๆ แต่ขณะเดียวกันปัญหาก็เต็มไปหมด ไปได้ไหมเล่า ถ้ายังไม่ได้ก็ต้องให้เวลา ต้องแก้ปัญหาตรงนี้ให้ได้

สำหรับกลุ่มนักศึกษานั้น ผมจะไม่ไปตำหนิเขา เพราะไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดก็ตาม ผมถือว่าเขาเป็น "พลังอันบริสุทธิ์" ซึ่งน่าที่จะทำประโยชน์ให้กับบ้านนี้เมืองนี้ได้อีกมากในอนาคต ก็ขอให้ใช้ในระยะเวลาที่ถูกต้อง ก็อย่าไปเชื่อมั่นว่าใครมาบิดเบือน ใครมาสร้างความเข้าใจที่ผิด ๆ ซึ่งมีทั้งผิด ทั้งถูก ผมไม่เคยปฏิเสธคำว่าประชาธิปไตย ผมไม่เคยปฏิเสธการเลือกตั้ง แต่ในการเลือกตั้ง หรือในการมีประชาธิปไตยที่ผ่านมามีปัญหา ก็ต้องแก้ปัญหาตรงนี้ให้ได้ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปสิ้นเปลืองงบประมาณ ไม่ต้องไปเสียเวลากับการควบคุมอำนาจ หรือไม่ก็ไม่ไปเสียงบประมาณในการที่รั่วไหลออกไป ทำให้เกิดประโยชน์กับชาติน้อยกว่าที่ควรจะเป็น

เพราะฉะนั้นพลังอันบริสุทธิ์เหล่านี้ ผมคิดว่าน่าที่จะต้องเป็นอนาคตของชาติในต่อไป ผมไม่อยากให้อนาคตเขาเสียไป เรียนอยู่ทุกคน ศึกษาอยู่ทุกคน การปฏิเสธไม่ยอมรับกฎหมายไม่ได้ ถ้าท่านทำได้ คนอื่นก็ทำได้เหมือนกัน แล้วคนอื่นเขาจะรู้สึกว่าอย่างไร แม้กระทั่งนักโทษ หรือที่กำลังอยู่ในกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด เขาก็บอกเขาไม่ผิด ก็ไม่ยอมรับกฎหมายทั้งสิ้น ถ้าอย่างนี้ไม่มีกฎหมายแล้ว อันนั้นคือประเทศหรือรัฐที่ Fail State ล้มเหลวทั้งหมด อันนี้ก็อยากจะฝากไว้ด้วยทุก ๆ กลุ่ม ไม่ว่าจะกลุ่มนักศึกษาเอง นักวิชาการ ที่อาจจะมองในแง่มุมของประชาธิปไตย แล้วก็มองว่า วันนี้ประเทศไทยมีปัญหา เพราะคำว่าประชาธิปไตย ที่จริงไม่ใช่ ไม่ใช่ส่วนประกอบเดียวเท่านั้น หลายส่วนประกอบด้วยกัน เราพยายามที่จะลดเหล่านั้น แล้วผมยอมรับในส่วนที่ท่านว่า ผมรับเอง ผมรับผิดชอบผู้เดียวอยู่แล้ว แต่ในส่วนของปัญหา ทุกคนต้องช่วยผมรับผิดชอบ เพราะฉะนั้น อยากให้ใช้พลังบริสุทธิ์นี้มาให้เกิดประโยชน์ในอนาคตข้างหน้า จะได้ไม่เกิดความขัดแย้งเกิดขึ้นอีก เพราะฉะนั้นในคดีที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ถ้าหากว่ายอมรับกัน พูดจากันรู้เรื่องอะไรรู้เรื่อง ร่วมมือกัน เราก็จะหาทางที่จะดูแล แต่อย่าให้ต้องทำให้กฎหมายเสียหายไปมากกว่านี้เลย

สำหรับปัจจุบันนั้น ทั้งปัญหาสถานการณ์โลกต่าง ๆ นั้น มีมากมาย เราต้องร่วมกันปรับตัว สร้างความเข้มแข็ง สร้างประเทศเราให้เข้มแข็งเสียก่อน ในการที่เราจะไปพึ่งพาอาศัยอะไรเขาคนอื่น เอามาตรฐานคนอื่นมา อะไรมา เราพร้อมหรือยัง ถ้าเรายังไม่พร้อม มาตรการต่าง ๆ ที่เขากำหนดมา เราก็ปฏิบัติไม่ได้ เมื่อปฏิบัติไม่ได้เราก็ต้องถูกมาตรการกีดกั้น มาตรการทางการค้า หรือการสัมพันธไมตรีทางด้านต่าง ๆ ก็แล้วกัน ทุกเรื่อง เพราะว่าอะไร เพราะว่าเราไม่พร้อมถ้าเราพร้อมเมื่อไรก็ทำตามกรอบเขาได้หมด แล้วจะมีปัญหาอะไร วันนี้เรากำลังทำอย่างนั้นอยู่ อย่ามองประเด็นเดียวว่าเรายังไม่ได้เลือกตั้ง ก็เลยมีปัญหา ไม่ใช่หรอก เป็นส่วนเดียวเท่านั้นเอง วันนี้โลกเขาอยู่ด้วยการค้า การพบปะ ท่องเที่ยว วัฒนธรรม สังคม จิตวิทยา มากมายไปหมด ทุกอย่างเขาประสานกันหมด

แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของผม ผมรับผิดชอบ หากเรายังขัดแย้งกัน ยังทะเลาะกัน แล้วก็เร่งเรื่องนี้ เรื่องโน้น จนมากเกินไป ทั้งระบบที่เราพยายามจะเพียรสร้างขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภา เสียหายหมดเลย แล้วล้มไปเหมือนเก่าแล้วเราจะได้ประชาธิปไตยแบบไหนกลับมาเล่า เราจะได้เสรีภาพที่แท้จริงให้กับประชาชนทุกหมู่ทุกเหล่าให้มีความเท่าเทียมกันหรือไม่ ไม่มีการแสวงหาผลประโยชน์อีกหรือไม่ เรายังไม่ได้คำนึงถึงตรงนั้นกันเลยหรืออย่างไร คนส่วนใหญ่ผมคิดว่าเขานึกถึงแล้ว ผมถึงอยู่ได้ถึงวันนี้ เพราะฉะนั้น ผมอยากให้เข้าใจกันให้มากขึ้น ใครที่ยังโต้แย้ง ใครที่ยังเป็นปัญหา ถ้าเรานำปัญหาทั้งหมดมาสร้างความขัดแย้งต่อไปอีก ที่ทุกคนอยากจะปรองดองมันไปไม่ได้หมด ต้องเดินตามลำดับไป ตามเหตุการณ์ไป ต้องคลี่คลายด้วยปัญหา ด้วยกฎหมาย ด้วยกระบวนการรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ มากมายไปหมด ขอให้ทุกคนได้เดินตาม "โรดแมป"

รัฐธรรมนูญชั่วคราวก็กำลังแก้ไขให้เป็นไปตามที่ทุกคนต้องการ หลาย ๆ เรื่อง ไม่ได้ร่างเพื่อให้ผมอยู่ต่ออีกไปนาน ๆ ไม่ใช่ ที่ผมอยู่ได้เพราะอยู่ได้ด้วยรัฐธรรมนูญชั่วคราวทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นขอให้เดินตามนั้น อย่าเพิ่งไปพูดจาให้เสียหาย จะทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่น กับสถานการณ์ในประเทศไทย อย่างที่ผมได้กราบเรียนไว้แล้วว่า วันนี้สถานการณ์บ้านเมืองของเรามีปัญหา เราได้อธิบายชี้แจงในประชาคมโลกไปแล้ว ส่วนใหญ่เขาเข้าใจเรา เขาก็รออยู่ว่าเมื่อไรจะมีการเลือกตั้ง ผมก็บอกว่าการเลือกตั้งนั้นเราจะทำเมื่อเราพร้อม เมื่อสถานการณ์ต่าง ๆ เป็นไปตาม โรดแมป มีรัฐธรรมนูญแล้ว มีการทำประชามติแล้ว ทำกฎหมายลูกเรียบร้อย ก็เลือกตั้งได้อยู่ดี เวลาขึ้นอยู่กับผลการปฏิบัติงานทุกกล่มงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) คณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็แก้ปัญหาไป คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ติดตามให้ ในส่วนของ สปช. ก็เตรียมแผนปฏิรูประยะต่อไป เมื่อมีรัฐบาลที่ท่านต้องการมาแล้ว ท่านก็ให้เขาทำต่อ ผมก็เดินหน้าอย่างนี้ อย่าเพิ่งมีปัญหามากนักเลย ถ้าปกติแล้ว ผมคงไม่ต้องมายืนหรอก พูดหลายครั้งแล้ว

เพราะฉะนั้นความขัดแย้ง เกิดมาเป็นเวลานานกว่า 10 ปีแล้ว ก็คงไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก ทุกคนทราบดีว่าเกิดขึ้นจากอะไรบ้าง ก็เกิดจากระบอบประชาธิปไตยที่ไม่สมบูรณ์ของเราด้วย เป็นส่วนหนึ่ง การสร้างการรับรู้ที่อาจจะผิดบ้าง ถูกบ้าง เอาบางประเด็นที่เกิดประโยชน์กับอีกฝ่ายหนึ่งมาสอน มาศึกษามาอะไรกัน ผมว่าต้องมองทั้งสองด้านว่า ประเทศไทยเรามีความเป็นมาอย่างไร มีพื้นฐานอย่างไร ความคิดความอ่าน เป็นอย่างที่ทั้งโลกเขาเป็นหรือไม่ บางทีก็ไม่เหมือนเขา ผมก็ได้เรียนกับองค์กรระหว่างประเทศไปด้วย ว่าในส่วนของอาเซียน ในส่วนของแอฟริกา ในส่วนของหลาย ๆ พื้นที่ในโลก พวกนี้มีความแตกต่าง

เพราะฉะนั้นในการที่จะตัดสินใจในการที่จะแก้ปัญหา ผมคิดว่าแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวดีที่สุด คือการเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ใช่หรือไม่ แล้วก็ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความพอเพียง เหล่านี้เป็นหลักการที่หลายประเทศในโลกสนใจกับเรา ในขณะนี้ได้ติดต่อมาให้ผมจัดชุด จัดอะไรไปอธิบาย ไปเป็นตัวอย่างเราทำมาตลอดเลย แล้วเขาก็ชื่นชมพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทุกพระองค์ก็ทำตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แล้วก็ทุกพระองค์ วันนี้พระองค์ท่านทรงไม่แข็งแรง พระองค์อื่น ๆ ก็ทำตามไป ในวันนี้ก็พระชนม์มายุมากขึ้นทุกองค์ เพราะฉะนั้นเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนลูกท่านหลานไทย ต้องช่วยกันทำ  พระองค์ท่านจะได้มีความสุข ท่านทรงมีความสุขว่า ทรงเริ่มให้แล้ว ลูกหลานไทยทั้งหมดก็ทำต่อกันไป โดยที่ท่านไม่ได้มามุ่งหวังจะต้องได้อะไรกลับมาเลย เพราะแผ่นดินนี้เป็นแผ่นดินของพวกเราทั้งสิ้น ทุกอย่างขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่ถ้าอะไรที่พอพูดคุยกันได้ เราก็พร้อมที่จะหาทางให้อภัยกัน อะไรกัน เหล่านี้อย่าทำต่อกันไปเลย เดี๋ยวขยายไปเรื่อย ๆ ก็อย่างที่บอกทำอะไรไม่ได้สักอย่าง

การทำงานทุกอย่าง วันนี้ต้องลดอัตตาตัวเองลงบ้าง อาจจะมีทั้งถูกทั้งผิด ถ้าผิดก็ไปกระบวนการยุติธรรม  ถ้าถูกก็ถูกมากถูกน้อย หรือความคิดตรงกับเราบ้างไม่ตรงบ้าง ลดอัตราแต่ละคนลงไป ถึงจะคุยกันได้ ถึงจะทำงานร่วมกันได้ เอาจุดมุ่งหมาย เอาวัตถุประสงค์มาเป็นตัวกำหนด ว่าประเทศชาติต้องการอะไร วันนี้ต้องการความสงบเรียบร้อย ต้องการเตรียมแนวทางในการปฏิรูป หรือเรื่องต่าง ๆ ที่มีความสำคัญ เป็นปัญหามายาวนานจะแก้กันอย่างไร ถ้าทุกคนยังยืนหยัดในหลักการ ของตัวเองอยู่ ไปไม่ได้เลย แล้วแต่ละฝ่ายก็มีประชาชนหนุนหลังกันแต่ละพวก แต่ละพวก แล้วจะไปยังไงเล่าแบบนี้ ผมว่าช่วงนั้นเอาไปตอนที่มีประชาธิปไตยสมบูรณ์เลยดีกว่า ที่มีรัฐบาลปกติมา เลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)  สมาชิกวุฒิสภา (สว.) อะไรกันมาก็ว่ากันไป ผมไม่เคยปฏิเสธตรงนั้น วันนี้ขออย่างนี้ไปก่อน เพราะฉะนั้นอย่าให้เราต้องเสียชื่อในประชาคมโลกต่อไปเลย เรื่องที่เสียชื่อเพราะผม ผมรับผิดชอบแต่ผู้เดียว

เพราะฉะนั้น อย่าไปวัดด้วยการเลือกตั้งเร็ว ๆ แล้วยังไม่พร้อม ตาม โรดแมป ไม่ได้ช้าและ เร็วกว่านั้นเลย ถ้าทุกอย่างไม่แก้ไข แล้วท่านบอกว่าการเป็นประชาธิปไตยไทย ได้ผ่านวันเวลาที่ยากลำบากมา 83 ปี แล้ว มีการสูญเสียชีวิตเลือดเนื้อมามากแล้ว แล้วท่านจะเสียอีกถึงเท่าไร ท่านจะต้องเสียกันอีกกี่ครั้ง จะต้องตายเจ็บกี่ครั้ง ประชาชน นักศึกษา นิสิต ผู้บริสุทธิ์ แล้วผู้นำต่าง ๆ เหล่านั้น ก็กล่าวแต่เพียงอย่างเดียวว่า การเปลี่ยนแปลงต้องมีการสูญเสีย ผมถามว่าแล้วใครสูญเสีย ประชาชนทั้งนั้น เพราะฉะนั้นท่านต้องเลือกผู้นำที่ดี ที่มีคุณธรรม มีจริยธรรม แล้วก็อยู่ในองค์กร สร้างองค์กรที่มีธรรมาภิบาลให้ได้ อยากให้ทุกคน หาทางออกกับเจ้าหน้าที่ให้ได้ แล้วกลับมาเรียนหนังสือ พ่อแม่จะได้ไม่เสียใจ หลายคนก็อยู่ชั้นปลาย ๆ แล้ว เพราะฉะนั้นชั้นปีท้าย ๆ ก็มี จะได้จบมาแล้วหางานหาการทำ แล้วไปเดินหน้าขับเคลื่อนประชาธิปไตยให้สมบูรณ์ในอนาคตไม่ดีกว่าหรือ ที่จะต้องไปถูกจำคุก ถูกตัดสินอะไรต่าง ๆ เสียประวัติด้วย เสียอนาคตด้วย แล้วท่านได้อะไรขึ้นมาบ้าง ประชาธิปไตยวันนี้ยังไปไม่ถึงตรงนั้น ก็ยังเข้าไปสู่การเลือกตั้งไม่ได้

สิ่งสำคัญก็คือผมให้ความสำคัญกับการศึกษามากที่สุดเลย เป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ทั้งเพื่อวันนี้ และเพื่อวันหน้าด้วย วันนี้หลายอย่างต้องพัฒนาให้ได้ การเตรียมคนเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน การพัฒนาเรื่องนักวิจัย นักพัฒนา เรื่องของการใช้เทคโนโลยี ซึ่งวันนี้เราต้องปรับปรุงประสิทธิภาพการศึกษาทุกระบบเลย ตั้งแต่เด็กจนโต ทั้งวิชาชีพ ทั้งวิชาการ แล้วก็ในเรื่องของสถาบันการศึกษาทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ต้องร่วมมือกัน ทำอย่างไร เราจะร่วมมือกันได้

เรื่องของประชาธิปไตย นั้น เราใช้มาตรา 44 อยู่ในขณะนี้ มีส่วนประกอบด้วย เพื่อจะทำให้เดินไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ วันนี้เราใช้เท่าที่จำเป็น แก้ไขเหตุติดขัด ไม่ใช่ให้ผมเอาไปใช้ทุกอย่าง ใช้ไม่ได้หรอก จะไปสั่งถูกเป็นผิด ผิดเป็นถูก อะไรเหล่านี้ไม่ได้ หรือจะไปแก้ปัญหาที่ทับซ้อนกัน กับกฎหมายเดิมมากก็ไม่ได้ ต้องการให้มีการบูรณาการ เหมือนกับที่เราจะต้องทำอย่างไรให้ อำนาจทั้ง 3 คือ บริหาร ตุลาการ แล้วก็นิติบัญญัตินั้น ได้ทำงานไปพร้อม ๆ กัน  ผมจะทำแค่นั้น ไม่อย่างนั้นต่างคนต่างก็ทำกันไป บริหารก็บริหารไป กฎหมายก็ออกกฎหมายไป แล้วไม่ต่อเนื่องเชื่อมโยง

วันนี้ผมต้องการให้เกิดความเชื่อมโยง จึงต้องมีมาตรา 44 ไว้ เพื่อทำให้แต่ละหน่วยราชการ แต่ละส่วนราชการนั้น ได้นำกฎหมายที่มีอยู่แล้วมาบูรณาการร่วมกันในการทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด แล้วกฎหมายก็ไปแก้ใน สนช. เมื่อออกมาแล้ว มาตรา 44 ก็ลบทิ้งไป ยกเลิกไป ก็ใช้กฎหมายใหม่ ก็แค่นั้นเอง วันนั้นก็จะมาถึงในไม่ช้าเพราะฉะนั้นควรจะช่วยกัน

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นบ่อเกิดของประเทศ แล้วก็จะนำพาประเทศชาติไปวันข้างหน้า เพราะฉะนั้นผมอยากให้บุคลากรทางการศึกษาทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะกระทรวงศึกษาด้วย แต่รวมถึงทุกกระทรวง ทบวง กรม ต้องมีการปรับปรุงพัฒนาข้าราชการ พัฒนาในส่วนของผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดทุกงาน หรือ Stakeholder ต้องเข้าใจว่าเราจะพัฒนาทรัพยากรอย่างไร ถ้าพัฒนาทั้งหมดพร้อมกันไม่ได้ ก็ต้องเป็นเรื่อง ๆ เป็นช่วง ๆ เป็นแต่ละช่วงวัย หรือแต่ละกิจกรรมให้ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป เหมือนปลูกพืช ปลูกพืชก็ต้องมี Demand Supply สิ่งนี้เหมือนกันก็เอาความต้องการของตลาดมา ความต้องการของประเทศมา ความต้องการในเรื่องของการลงทุนต่างประเทศ ตาม AEC นำตัวเลขเหล่านี้มา แล้วกำหนดปลายทางว่าในช่วง 1 ปี 2 ปี 3 ปี เราผลิตคนเหล่านี้เท่าไหร่ เพื่อจะไปรองรับในอนาคต แล้วมีการประเมิน ส่วนใหญ่เราไม่ค่อยประเมิน ได้สั่ง ได้ทำไป ได้มีโครงการแผนงานใช้เงินไปแล้วก็จบ แล้วก็เริ่มใหม่ โดยที่ไม่ได้มีการประเมินผลอย่างเป็นรูปธรรม หรือมีแต่ไม่เป็นรูปธรรม ซึ่งเราใช้ประโยชน์ไม่ได้ ได้แต่ทำ แต่เกิดประโยชน์เท่าไหร่ ตรงนี้ทุกหน่วยงานจะต้องทำให้ผม ต่อไปผมจะกวดขันในเรื่องนี้

เราจะต้องร่วมกันสร้างแนวความคิด ความร่วมมือสร้างสรรค์ โดยใช้พลังของทุกพวกทุกฝ่าย อย่างไปมุ่งหวังงานการเมืองอย่างเดียว การเมืองก็คือการที่จะต้องผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามา สร้างความมั่นใจให้กับประชาชน แล้วคัดเลือกเข้ามา และดูแลประชาชนทุกพวกทุกฝ่ายให้เกิดความเป็นธรรม เท่าเทียม มีแค่นั้น ถ้าเราเตรียมการเมืองวันนี้ ก็ไปตรงนั้นไม่ได้ วันนี้เรากำลังเตรียมการเมืองให้พร้อม แล้วเดี๋ยวท่านก็เข้ามากันหมด ผมก็ถอยหลังกันอยู่แล้ว แต่เราเตรียมให้ท่าน เพราะฉะนั้นท่านอย่ามาขัดแย้ง ขัดขวางเราเลย พวกการเมืองต่าง ๆ ผมฟังแล้วบางทีก็ไม่ค่อยเข้าใจในแนวคิดของท่าน

วันนี้ผมเปิดเวทีให้แล้วมาติดตามกันดูในรายการปฏิรูปประเทศไทย เดินหน้าปฏิรูป เริ่มจากรายการเมื่อคืน ก็จะมีทั้งสองส่วนมา ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ สปช. ในส่วนของนักวิชาการ มีพิธีกร ก็พูดคุยกันมาในแต่ละเรื่องกำหนดเป็นเรื่อง ๆ ไป วันนี้เศรษฐกิจ วันหน้าการศึกษา วันหน้าเรื่องน้ำ วันหน้าเรื่องรถไฟ ก็ไปว่ากันมา แล้วเราก็นั่งฟังดูว่า รัฐบาลทำอะไรอยู่ตอนนี้ นักการเมืองเก่า ๆ หรืออดีตรัฐมนตรีเก่า ๆ เขาทำกันอย่างไร เขาคิดตรงกันหรือไม่ เพราะวันหน้าเขาก็ต้องเข้ามาอีกอยู่ดี เพราะฉะนั้นประชาชนจะได้เป็นผู้ตัดสินว่าความคิดของใครถูกผิด ไม่อย่างนั้นก็เถียงกันอยู่อย่างนี้ แล้วก็ไล่ล่า ฆ่าฟัน ไม่จบสักที

เพราะฉะนั้นผมจัดหากระบวนการเพื่อให้ท่านมีเวทีในการแสดงความคิดเห็น ผมไม่โกรธถ้าท่านจะตำหนิติติงอะไรผมในตรงนั้น แต่ท่านต้องมีเหตุผลมาสู้ มายืนยันว่า ที่ทำเป็นสิ่งที่ถูก แต่ถ้าบอกด้วยเหตุ ด้วยผลว่าจะต้องลงทุน จะต้องเดินหน้า จะต้องอะไร โดยการทำให้ประเทศเกิดความเสียหาย ผมว่าไม่ถูก ท่านต้องตอบคำถามให้ได้ ถ้าท่านทำอย่างนี้แล้วจะแก้ปัญหาอย่างไร งบประมาณมาอย่างไร ขั้นตอนการควบคุมกำกับดูแลอย่างไร ถ้าพูดอย่างเดียวลอย ๆ พูดได้หมด แต่ทำไม่ได้ ถ้าท่านทำแบบผมท่าน ทำไม่ได้ง่ายอย่างที่ท่านพูด ก็พูดกันต่อไปแล้วกัน

วันนี้โลกเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผมเป็นห่วงเรื่อง โลกอินเตอร์เน็ต และโซเชียลมีเดีย วันนี้กระจายข่าวสารอย่างรวดเร็ว วันนี้เราต้องหามาตรการ คือการปลูกจิตสำนึก เป็นสิ่งสำคัญที่สุด และการเฝ้าระวัง สงสารเด็ก ๆ ถ้าเราปลูกฝังเด็ก ๆ ของเราให้อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ต่อไป เด็กเราก็จะมีความก้าวร้าว และจะเป็นเด็กที่ไม่น่ารัก วันหน้าก็จะรวมกันไม่ได้ ก็จะเป็นความแตกแยกอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ เพราะมีการแบ่งพวก โซเชียลมีเดียก็แบ่งซ้าย แบ่งขวา ตรงกลางบ้าง อะไรบ้าง ผมอยากให้ทุกคนร่วมกันระดมว่า ใครจะคิดอย่างไรก็ได้ คิดทางซ้ายก็ได้ คิดทางขวาก็ได้ แต่รวมกันได้หรือไม่ตอนนี้ แล้ววันหน้าเดี๋ยวท่านก็ไปเสนอหนทาง ช่องทางผ่านรัฐบาล ผ่านฝ่ายค้าน ให้เขาทำให้ นั้นคือการเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ท่านใช้สิทธิของท่านตามรัฐธรรมนูญได้ทุกคน

การรวมกลุ่มเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนนั้น ประเทศไทยยังขาดอีกหลายอย่าง แรงงานมีฝีมือ ซึ่งหลาย ๆ อย่าง วันนี้แรงงานระดับล่างที่ใช้แรงอย่างเดียวก็ขาด แรงงานประมงก็ขาด พอบอกว่าแรงงานข้างล่างก็ไม่อยากทำ รายได้น้อย เหนื่อย เราก็เอาแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำ วันนี้พอบอกให้ไปทดสอบฝีมือ ไปพัฒนาฝีมือ ไปทำงานตรงนี้ ไม่ไปอีก ไม่เอาอีก คือจะชอบสบาย และงานเบา ๆ เงินเดือนสูง ๆ มีที่ไหนเขาจะให้ทำ การประกอบการ เศรษฐกิจต่าง ๆ เขาก็ลงทุนของเขามามากมายมหาศาล ก็ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน บังคับมาก ๆ ให้เขาขึ้นค่าแรง เขาก็หนีหมดแน่นอน อย่าคิดว่าเขาจะง้อเรามากนัก เราต้องกลับไปง้อเขามากกว่าในการลงทุนในประเทศไทย ต้องมีการสร้างแรงจูงใจ สร้างสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ มากมาย เป็นแบบเดิมไม่ได้ เพราะต้องไปแข่งขันกันทั้งโลก แต่ละประเทศก็มีการเคลื่อนย้ายการลงทุน ไม่ใช่เขาเคลื่อนย้ายเพราะผม เขาเคลื่อนย้ายเพราะว่าต้นทุนสูง หลาย ๆ อย่างไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ที่ยกเว้นต่าง ๆ หายไป เพราะเราเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง เมื่อเขาไม่ได้ตรงนี้ เขาก็ไปหาประเทศอื่นลง แต่เท่าที่พูดกับเขา เขาบอกว่าถ้าเราดูแลเขาดีขึ้น เพื่อชดเชยในสิ่งที่เขาเสียไป เขาพร้อมที่จะอยู่ เขาอยากอยู่ประเทศไทยกันหมด เขาไม่ได้อยากอยู่เพราะผม เขาเพียงแต่ถามว่า แล้วผมจะทำให้เป็นอย่างนี้ได้ถึงเมื่อไหร่ เขาอยากทราบอนาคต อนาคตนั้น คือนักการเมือง ท่านก็ไปบอกเขา ให้เขามายืนยันกับผม วันหน้าเขาจะทำทุกอย่างให้เป็นอย่างนี้ 1-2-3-4-5  ให้ต่างชาติเขาเข้าใจเรา หรือจะให้เป็นแบบเดิมอีก นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการมีแค่นี้ ขอแค่นี้ ได้หรือเปล่า ไม่รู้

เพราะฉะนั้นวันนี้ทั้งรัฐบาล และกระทรวงศึกษาธิการ ได้รณรงค์มากมายในเรื่องของการส่งเสริมการศึกษาสายอาชีพ - อาชีวะ ให้มีงานทำ มีฝีมือ มีรายได้ก่อน ปริญญาเอาไว้ทีหลังก็ได้ ผมเลยบอกว่าให้ทำต่อเนื่องได้หรือไม่  มีสิทธิพิเศษเข้ามาเรียนต่อได้หรือไม่ วันนี้ต้องหาเงินก่อน เลี้ยงดูพ่อแม่ ตัวเองไม่เป็นภาระ ไม่อย่างนั้นก็มีเวลาว่าง ไม่มีงานทำก็ไปตบตีกันบ้าง อะไรบ้าง น่ากังวลใจเกี่ยวกับเรื่องนักเรียนตีกัน ก็ยังมีอยู่ ผมกำลังหามาตรการจะทำอย่างไรดี เด็กแว้นก็แล้ว มาตีกันกลับไปกลับมาอยู่แบบนี้ ไปโรงเรียนก็ไม่ปลอดภัย แล้วพ่อแม่เขาจะให้ไปเรียนหรอ เราต้องการประโยชน์วิชาชีพ ต้องการวิศวะ ต้องการแรงงานมีฝีมือ แต่ไปเรียนโรงเรียนไม่ได้ เพราะไม่ปลอดภัย ผมถามว่าแล้วจะทำอย่างไร จะแก้ได้หรือไม่

เพราะฉะนั้นผมสั่งไปแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทรวงศึกษา อาชีวะพื้นฐาน หน่วยงานเหล่านี้ต้องไปดูทั้งหมด ที่รับผิดชอบโดยตรง ต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีก หลายโรงเรียนไปโรงเรียนไม่ปลอดภัย แล้วจะไปอย่างไร เพิ่มคนสมัครมาเรียนมากเป็น 2 เท่า ปีนี้ แต่ 2 เท่าที่ว่ายังกลัวว่าไปแล้วจะเกิดอันตราย พ่อแม่ต้องโทรศัพท์เช็คว่าถึงโรงเรียนหรือยัง เย็นกลับเมื่อไหร่ รอรับกันตรงไหน ดูแล้วเหมือนกับสถานการณ์สงคราม ขอร้องน้อง ๆ อาชีวะทั้งหมดเลิกได้แล้ว พี่ ๆ ที่จบไปแล้วก็พอได้แล้ว ประวัติศาสตร์ของโรงเรียนเขามีไว้ให้ภูมิใจ คนที่เก่งกาจสามารถ รบรันฟันฝ่า  ต่อสู้กัน พอได้แล้ว ไม่ใช่สิ่งที่น่าภูมิใจเลย

ขอให้เป็นเสาหลักในด้านแรงงาน ที่มั่นของประเทศ เพราะเป็นเครื่องจักร เป็นเครื่องมือทำให้ประเทศไทยที่ต้องการเป็นตลาดแรงงาน ตลาดลงทุน หรือเป็น HUB ต่าง ๆ มากมายไปหมด แล้วเราเตรียมคนพร้อมหรือยัง เราเตรียมสถานการณ์ในประเทศให้มีเสถียรภาพหรือยัง ยังไม่ครบเลย ผมอยากให้ทุกคนทำอย่างที่ผมคิด แล้วก็ช่วยผม ผมก็ทำได้ส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่เหลือก็อยู่ที่พวกเราร่วมมือกัน เสียสละกัน อดทนกัน  อย่าพึ่งมาเอาชนะกันเวลานี้เลย เพราะจะทำให้เกิดปัญหาหมด ฝากรุ่นพี่ ๆ ด้วย อาชีวะเมื่อสักครู่พูดไปแล้ว ทำอย่างไรให้น้อง ๆ มาเรียนมากขึ้น ท่านจะได้มีรุ่นน้องท่านมากขึ้น รุ่นน้องที่ดี ๆ และมีชื่อเสียงสร้างประเทศชาติ ไม่ใช่มีชื่อเสียงที่โรงเรียนนี้ตีกันมาตลอด ไม่อยากมีคนเรียน ผมว่าน่าอายมากกว่า รุ่นพี่สำคัญที่สุด กลับมาดูแลน้อง และให้รักกัน สร้างเครือข่ายให้ได้ ทั้งในส่วนของราชภัฏ ราชมงคล ให้ไปรวมเป็นเครือข่ายกับ ปวช. ปวส. ช่างกล ให้ได้ว่าใครจะอยู่กับใคร แล้วดูแลพี่กัน น้องกัน วันหน้าก็ต้องมาเชื่อมโยงไปเรียนต่อกันให้ได้  ถ้าจับกลุ่มกันอย่างนี้ ผมว่าจะทำสำเร็จ ต้องทำตามโครงสร้างให้ได้ว่าจะสร้างความเชื่อมโยงอย่างไร จะพูดอย่างเดียวทำไม่ได้ ให้ชัดเจนขึ้นว่า มหาวิทยาลัยเอกชนจะดูแลน้อง ๆ ที่ไหนได้บ้าง ทางด้านราชภัฏก็อาจจะดูแลในเรื่องของการเตรียมคนให้เข้าไปสู่ตลาดแรงงาน ไปในเรื่องของการบริการ การท่องเที่ยว มัคคุเทศก์ ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน อะไรก็แล้วแต่ อยากให้มหาวิทยาลัยราชภัฏมุ่งเน้นผลิตคนเหล่านี้ออกมา มีงานทำโดยทันที ถ้าไปผลิตเป็นสาขาวิชาอื่นที่เป็นนักวิชาการต่าง ๆ ก็ไม่มีงานทำ ขณะเดียวกันมหาวิทยาลัยของรัฐก็ผลิตกันมากมายไปหมด

เพราะฉะนั้นลองไปแบ่งแยกดู ลองเริ่มทำกันได้ไหม รายได้คงไม่ตกไป เพราะรัฐบาลส่งเสริมเรื่องวิชาชีพ และการลงทุนอะไรต่าง ๆ ก็มากมายขึ้น ทำไมไม่ทำให้สอดคล้องกับรัฐบาล ในส่วนของราชมงคลก็ไปดูเกี่ยวกับเรื่องสายที่เป็นแรงงานฝีมือ เช่น ช่างไฟฟ้า ช่างอ๊อค ช่างวิทยุ ช่างซ่อม อะไรก็แล้วแต่ และเรื่องของการที่จะไปเป็นระดับหัวหน้างานในโรงงานอุตสาหกรรม มีรายได้สูงขึ้น แต่ท่านก็ต้องพูดภาษาอังกฤษให้ได้ ถ้าเขาใช้ภาษาอังกฤษ แต่ถ้าเขาพูดภาษาจีนท่านก็ต้องพูดภาษาจีน ถึงจะเป็นหัวหน้าเขาได้ ไม่อย่างนั้นก็จะสั่งไม่รู้เรื่อง พูดไม่รู้เรื่อง ต้องมีคนแปล มีล่ามแบบนี้ไปกันใหญ่ เราคนไทยเขาชอบ คนไทยมีประสิทธิภาพ แต่ภาษาไม่ค่อยได้ เขาเลยลำบากในการที่จะยกขึ้นเป็นระดับหัวหน้างาน ท่านฟังผมแล้วท่านก็ไปคิดเอง ทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งตัวนักศึกษาเอง ทั้งตัวนักเรียนเอง ทั้งตัวเด็ก ๆ ที่จะโตมา ถ้าฟังผมแล้วคิดตามไป ท่านจะรู้อนาคตว่าท่านจะทำอย่างไร

ด้านเศรษฐกิจ ความสามารถในการแข่งขันบ้านเรานั้นมีโอกาสสูง แต่เราต้องสร้างความเข้มแข็งให้ได้ก่อน โอกาสที่เราน้อยลง การส่งออกน้อยลง ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เราก็ไม่ค่อยมี นวัตกรรมต่าง ๆ เราก็น้อย แรงงานก็สูง ค่าแรง ค่าต้นทุนก็สูง สิทธิ Generalized System of Preferences (GSP) ก็ไม่ได้ แต่ยังโชคดีที่สหรัฐอเมริกาได้มีการผ่อนผันสิทธิ GSP ให้เราย้อนหลังด้วย ประมาณ 6 ร้อยกว่าล้านดอลลาร์ ก็เป็นที่น่ายินดีที่มิตรประเทศเขาก็ดีกับเรา ย้อนหลังให้และต่อให้ประมาณ 4 ปีกว่า ๆ ไว้ฟังรายละเอียดกับกระทรวงพาณิชย์ในเรื่องนี้ จากประเทศสหรัฐอเมริกา      เพราะฉะนั้นถ้าเรามีปัญหามาก ๆ ความเข้มแข็งก็ไม่เกิดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานก็ทำไม่ได้ การลดความเหลื่อมล้ำ ลดความเป็นธรรม ทำไม่ได้หมดเลย เสร็จแล้วการลงทุนจากต่างประเทศก็ไม่มา เขามาเพราะว่าเขาจะไปลงทุนที่ไหนมีอยู่ 2 – 3 อย่าง คือ 1. สิทธิประโยชน์ และแรงจูงใจ 2. ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ความเชื่อมั่น ไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน และ 3. ความเป็นอยู่ในประเทศ คนงานของเขาหรือผู้ลงทุนมีความสุข ประเทศไทยมี 2 – 3 อย่างเกือบครบแล้ว เหลืออย่างเดียวคือความมีเสถียรภาพ วันนี้เขาบอกว่าดีแล้ว อย่าให้เป็นอย่างนี้ เขาพร้อมจะลงทุน ถึงแม้ว่าเขาจะเสียสิทธิประโยชน์ให้กับเราบ้าง เขาก็ยอม แล้วเราจะมาตีกันอยู่ทำไม ผมไม่เข้าใจ ตีโน่นตีนี่ว่า เราไม่ทำนี่ทำโน่น ผมว่าไม่ใช่ เหมือนกับเรานำสิ่งที่ไม่เป็นข้อเท็จจริงไปทำให้เขามาเกลียดเรา แล้วท่านจะเอาอะไร ประเทศไทยจะได้อะไรจากการกระทำของท่าน มีแต่เสียหาย เพราะฉะนั้นต้องช่วยรัฐบาล ช่วยการทำงานของรัฐในการสร้างความเข้มแข็งให้ได้ จะต้องมีการวางแผน มีการบูรณาการ ทำงานให้เป็นระบบ

วันนี้ที่ผ่านมา ผมบอกแล้วแยกแท่งกันไม่ได้ วันนี้จะให้เป็นระบบ ก็ยังไม่ค่อยจะได้เลย เพราะเคยชินกับวิธีการทำงานแบบเดิมมามากมาย วันนี้เราก็เข้ามาหยุดสถานการณ์ต่าง ๆ ให้แล้ว หยุดปัญหาและนำปัญหามาแก้ไข ท่านก็ต้องเอามาคลี่ดูว่าเกี่ยวข้องกับใครอย่างไร แต่ละกระทรวง ทบวง กรม งานเดียวกันจะแก้อย่างไร งบประมาณเอามาจากไหน ถ้าทุกคนใช้งบประมาณตัวเองเท่าไหร่ก็ไม่พอ เดี๋ยวก็ของบประมาณกลาง จะนำงบประมาณกลางมาจากไหน รายได้ยังไม่มาสักบาทถึงผมเลย เก็บอะไรก็ไม่ได้ ภาษีก็ไม่ได้ การค้า การส่งออกก็เก็บภาษีไม่ได้ ทุกอย่างแย่ไปหมด แล้วจะโทษว่าใครผิด ใครถูก ไม่ได้หรอก อย่าไปโทษว่าใครผิดใครถูก ต้องคิดว่าเราจะทำอย่างไรต่อไปดีกว่า ไม่ใช่ผมอยากจะสืบทอดอำนาจ ไม่ต้องการเลย ต้องการให้ประเทศไทยมีที่ยืนอยู่ในโลกใบนี้เท่านั้นเอง ที่ผมมายืนอยู่ตรงนี้ คนอื่นเขาทำได้ เหมือนผมทำ ถ้าตั้งใจจริง ขอให้ทุกคนตั้งใจจริงแล้วกัน วันนี้เราจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิธีการปฏิบัติให้เร็วขึ้น 
ในเรื่องของการกดดันจากต่างประเทศก็เบาบางลงไป เว้นแต่ว่าเราเอง คนของเราเอง หรืออดีตนักการเมืองไปทำให้เขามากดดันเรา อันนี้ผมก็อยากจะถามว่าท่านเห็นประเทศไทยอยู่ตรงไหน ท่านจะเอาชนะคละคานผม โดยประเทศเสียหาย แล้วถ้าท่านได้กลับมาเป็นรัฐบาล ท่านจะปกครองบริหารใคร ประเทศล้มเหลวไปแล้ว Fell ไปแล้ว ไม่มีใครเหลือให้ท่านบริหารอีกแล้ว คิดตรงนี้กับผมด้วย

เพราะฉะนั้นวันนี้หลายประเทศสนใจ เราก็จะพยายามทำอย่างระมัดระวัง ไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคตอย่างเช่นที่ผ่านมา  อาจจะเป็นผลกระทบระยะยาว เรื่องงบประมาณ การใช้จ่าย การทุจริต ความโปร่งใสอะไรต่าง ๆ การเดินหน้าประเทศ อะไรที่ผิดก็ต้องหยุดไว้ก่อน สอบสวนดำเนินคดี ถ้าเรียบร้อยแล้วก็เดินหน้าต่อไป ให้ทันเวลา ข้อสำคัญทุกอย่างจะได้ไม่ขัดต่อข้อกฎหมายระหว่างประเทศด้วย เช่น เรื่องประมง วันนี้เรามีปัญหาเรื่อง International Civil Aviation Organization (ICAO) บ้าง เรื่อง Illegal, Unreported and Unregulated Finishing (IUU) เรื่องการค้ามนุษย์ Tip Report  มากมายไปหมด นั่นก็คือปัญหาที่มาจากองค์ระหว่างประเทศ กฎหมายระหว่างประเทศ เราก็ต้องแก้ทุกอัน วันนี้ก็มีปัญหาเรื่องประมง ผมก็ไม่อยากให้พี่น้องประมงเดือดร้อน ใครจะอยากให้ท่านเดือดร้อน แต่ท่านก็ต้องนึกถึงว่าที่เขาทำถูกอีกมากมายไปหมด เขาต้องเดือดร้อนกับท่านด้วย เพราะเขาทำถูกต้อง แล้ววันนี้ส่วนหนึ่งไม่ถูกต้อง แต่บอกว่าไม่มีรายได้ จะให้ผมทำอย่างไร ในเมื่อกติกามีอยู่แล้ว ขนาดเรือก็ต้องมี ติดอะไรบ้าง อุปกรณ์หาปลาต้องเป็นอย่างไร แล้วตั้งแต่ปี 2530 2540 กว่า ๆ ท่านทำอะไรกันอยู่ แสดงว่าท่านไม่ได้รู้ว่ากติกาเขาว่าอย่างไร  กฎหมายเขาว่าอย่างไร แล้วท่านก็ทำของท่านไป ท้ายที่สุดก็เดือดร้อน เดือดร้อนแรงงาน เดือดร้อนการบริโภค การตลาด การพาณิชย์ วุ่นวายไปหมด

วันนี้จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายให้ถูกต้อง เพราะว่าอยู่ในห้วงระยะเวลาที่องค์การระหว่างประเทศจะต้องมาตรวจสอบในอีกไม่กี่เดือนนี้แล้ว ถ้าทำไม่เสร็จไม่ได้ ผ่อนผันไปก็ลำบาก วิธีการอันหนึ่งที่ผมเสนอตอนนี้คือ ทำอย่างไรสมาคมประมงหรืออะไรที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ท่านมีสมาคมของท่านอยู่แล้ว แต่ท่านรวมกันไม่ได้สักที ท่านก็เป็นสมาคมที่ไม่ได้ดูแลลูกน้องท่านเอง ท่านก็ต้องเอากฎหมาย เอารัฐบาล เอาอะไรต่าง ๆ มาเชื่อมต่อให้ไปถึงสมาชิกท่าน

วันนี้สมาชิกท่านมีปัญหา ท่านจะรวมช่วยเหลือกันได้หรือไม่  ในเมื่อมีเรือจำนวนหนึ่งที่วิ่งออกทะเลได้  ส่วนหนึ่งวิ่งไม่ได้  ส่วนที่วิ่งไม่ได้บอกว่าขาดแคลนแรงงาน ก็ให้เอาแรงงานมาผสมกันได้หรือไม่  ให้แบ่งสัดส่วน ให้คนที่ไม่มีอาชีพตอนนี้ ไปทำได้หรือไม่  ตรงนั้นก็ลดลงบ้าง  เหมือนต่างประเทศเขาก็ทำ ลดรายได้โดยที่ไม่ต้องลดแรงงาน แต่เอามาคิด ถ้าทุกคนจะเอาหมดทุกอย่างไม่ได้ อย่างไรก็ทำไม่ได้ ก็ดีกว่าที่จะให้ลูกเรือไม่มีงานทำไม่ได้เลย คนหนึ่งขาด คนหนึ่งเกิน สมาคมไปจัดการ ไม่ใช่เรียกร้องอย่างเดียว วันหน้าถ้าสมาคมไม่มีประโยชน์ก็ไม่ต้องตั้ง ตั้งเพื่อเรียกร้องรัฐอย่างเดียว ไม่ใช่ ทุกสมาคม วันนี้สมาคมที่เกี่ยวข้องกับคนที่มีรายได้น้อยมีปัญหาหมด วันนี้ผมสั่งตรงนี้แล้วกันว่าทุกคนต้องทำหน้าที่ของท่าน สมาคมประมง สมาคมสินค้าการส่งออก สมาคมอุตสาหกรรม สมาคมท่องเที่ยว สมาคมเหล่านี้ไม่ใช่เป็นตัวแทนเพื่อมาสู้รัฐอย่างเดียว ท่านต้องจัดระเบียบของท่านให้ได้ สมาคมสื่อฯ ด้วย ไม่อย่างนั้นผมก็ต้องไปบังคับใช้กฎหมายโดยตรงกับเขา ก็เดือดร้อนอีก ท่านต้องดูแลเขาให้ได้ ถ้ามีปัญหาอันไหนมาบอก รัฐบาลก็จะได้แก้ไขให้เป็นเรื่อง ๆ ไป ไม่ใช่เหมา ทุกคนเอาประโยชน์ ๆ แต่พอให้รับผิดชอบไม่รับสักอัน วันนี้ไม่ได้

วันหน้าท่านก็ไปเรียกร้องประชาธิปไตยในรัฐบาลของท่านก็แล้วกัน เพราะฉะนั้นอย่าให้เกิดความวุ่นวายไปมากกว่านี้ ประมงผมเป็นห่วง เดี๋ยวก็ต้องดูแลกันต่อไปว่าจะทำอย่างไรกันดี เพราะฉะนั้นวันนี้ผมขออนุญาตสั่งการไปก่อน สมาคมประมงมาช่วยผมบ้าง ไม่อย่างนั้นก็ค่อยว่ากันใหม่สมาคม ต้องรื้อกันใหม่ทั้งหมด มีปัญหาทั้งหมด เพราะฉะนั้นอย่าไปสร้างความขัดแย้งอีก ให้สังคมสงบลงไปบ้าง เรื่องอาหารทะเล วันนี้บริโภคไม่ได้ เดี๋ยวหาอาหารอื่นแทนไปก่อน แพงก็อย่าไปทาน ให้คนรวยมีสตางค์เขาทานไป ไม่ใช่ว่าต้องเท่าเทียม ผมทำให้ไม่ได้

ถ้าอยากจะทานของแพงท่านก็ต้องทำงานหนัก หาเงินให้มาก รัฐบาลจะช่วยในส่วนที่ช่วยได้ มีตลาดสำหรับผู้มีรายได้น้อย ก็ทำให้ทั้งหมด ตอนนี้ก็ทำไปแล้ว จะดึงให้เท่ากันหมดไม่ได้ เพราะมีหลายระดับด้วยกัน เราจะแก้ได้ด้วยความสงบ มีเสถียรภาพ สร้างความเข้มแข็ง มีรายได้เข้าประเทศ ก็สามารถเฉลี่ยแบ่งปันกันไปได้ทุกคน นี่เขาเรียกว่าความเท่าเทียมด้วยความพอเพียง ข้อสำคัญวันนี้อย่าเอาข้อบกพร่องของเรามาประจานให้โลกรู้ด้วยการประท้วง ด้วยการต่อต้านผมเลย ไม่เกิดประโยชน์ ไม่เข้าใจกัน สื่อและโซเชียล ผมเป็นห่วงกังวลเด็กรุ่นหลัง อย่าไปเติมเชื้อไฟให้มากนัก เดี๋ยววันหน้าก็แข็งกระด้างกันไปหมด ไม่เคารพผู้ใหญ่บ้าง ไม่เคารพกติกาสังคม ไม่เคารพกฎหมาย อ้างประชาธิปไตย อ้างเสรีภาพ ไม่รู้จักคำว่าหน้าที่ เสร็จแล้วประเทศชาติล้มเหลว อยู่ไม่ได้ทั้งหมด ทุกคนที่ว่าเก่ง ๆ ผมก็อยู่ไม่ได้ ใครก็อยู่ไม่ได้ ที่มาขัดแย้งกันวันนี้ ต้องยอมรับในความผิดพลาด ต้องยอมรับในสิ่งที่เรากำลังเป็นปัญหาในเวลานี้ อย่าเขียนไปเรื่อยเปื่อย ตามที่อยากจะคิดอยากจะเขียนโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายของประเทศ ฝากสื่อต่าง ๆ ช่วยกันดูแล สมาคมสื่อต่าง ๆ ผมไม่เคยอยากไปทำอะไรกับท่านอยู่แล้ว ท่านก็ต้องเห็นใจผมบ้าง วันนี้ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ

ต่อไปเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเป็นเรื่องข้อเสนอแนะต่าง ๆ คำวิพากษ์วิจารณ์ ผมรับทั้งหมด แต่อย่าติเรือทั้งโกลน ติโขนยังไม่ทรงเครื่อง บางเรื่องยังไม่ได้ทำเลย บางเรื่องทำไปแล้ว บางเรื่องอยู่ในแผน 2 แผน 3 ท่านไม่เคยฟังผมเลย ท่านก็เขียนไปเรื่อย แล้วแต่จะนึกถึงอะไรได้ วันนี้ วันโน้น แล้วท่านก็ไปฟังแหล่งข่าวนี้ แหล่งข่าวโน้น คราวหลังมาบอกว่าแหล่งข่าวมาจากไหน ใครบอก จริงหรือไม่ ตัวเลขมีไหม เชิงวิทยาศาสตร์มีไหม การประเมินต่าง ๆ ออกมาหรือไม่ หรือคิดเอาเอง หรือนับแต่ว่ามีเงินในกระเป๋าเท่าไหร่ วันนี้ไม่มีเงินแสดงว่าเศรษฐกิจตก ผมว่าไม่ใช่ พันกันไปทั้งระบบ ต้องคิดแบบภาพโดยรวม มหาภาคด้วยว่าเพราะอะไร อย่างไร แล้วจะเสริมอย่างไร รัฐบาลทำถูกหรือไม่ แต่ถ้าบอกว่าให้นำเงินมาช่วยจ่ายทั้งหมด นำเงินที่ไหน ผมบอกแล้วไม่มีเงินเข้าผมสักบาทเพิ่มจากเดิม มีแต่ต้องชำระหนี้ ต้องใช้โน่น ใช้นี่เพิ่มเติมไปเรื่อย ๆ เสียงหาย

เรื่องการทำงานของข้าราชการ ขออีกที ช่วยไปดูทุกกระทรวงงบประมาณไตรมาส 1-2-3 ครึ่งปีแรก 1-2 งบประมาณออกไปแล้ว แต่การใช้จ่ายยังขยับได้ถึงขั้นการเบิกงบประมาณค่อนข้างจะมีปัญหาอยู่ ผมไม่ทราบว่าติดขัดตรงไหน ไม่อย่างนั้นเราก็เป็นกังวลว่างบประมาณของข้าราชการ หรืองบประมาณส่วนหนึ่งที่จะไปขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ผมบอกไว้แล้วว่าภายในเดือนกรกฎาคม ถ้าใช้ไม่ได้ผมนำกลับมาหมด นำมาใช้อย่างอื่นที่เป็นความเดือดร้อน งบประมาณของทุกกระทรวง เพราะสั่งแล้วหลายครั้ง ไปหาทางถ้าไม่ได้ก็ไม่ได้ ผมก็ไม่ผ่อนผันให้เหมือนกัน เดี๋ยวให้นำกลับมาให้หมด ไม่อยากใช้อำนาจ แต่ต้องใช้ เพราะว่าผมก็ไม่มีสตางค์เหมือนกัน ถ้าให้ไปใช้แล้วใช้ไม่ได้ ใช้ไม่ถูกก็ต้องนำมาใช้ใหม่ เพราะฉะนั้นอย่าไปปลุกระดมกันอีกต่อไป ข้าราชการก็ต้องร่วมมือ มีเวลานี้เท่านั้นที่ประเทศชาติจะเดินหน้าไปให้ได้

เรื่องรัฐธรรมนูญและการปฏิรูป วันนี้ก็อยู่ในช่วงทุกท้ายแล้วค่อนข้างที่จะหาข้อสรุปกันให้ได้มีระยะเวลาอยู่ นี่ก็คือสิ่งที่ผมบอกว่าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญได้คือได้ ไม่ได้ก็ต้องทำ ทำใหม่รัฐธรรมนูญเขาเขียนไว้อย่างนั้น ไม่ใช่ว่าผมต้องมารับผิดชอบสั่งให้ ออกให้ได้ ยอมรับหรือไม่ยอมรับ ต้องรับผิดชอบในความสำเร็จหรือล้มเหลว เพราะผมตั้งขึ้นมา แล้วอย่างนี้จะใช่หรือไม่ เวลาสำเร็จ เวลาดีก็ไม่เห็นผมจะต้องได้รับคำชมเชย ผมไม่ต้องการอยู่แล้ว แต่เวลาผิดผมคนเดียว ไม่เป็นไรผมรับผิดชอบอยู่แล้วทุกเรื่อง แต่ทุกคนต้องช่วยผมรับผิดชอบด้วย ผมรู้ว่าท่านทำงานเหน็ดเหนื่อย สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)  ทุกคนตั้งใจหมดแต่ผมบอกตั้งแต่ต้นแล้วไง ลดอัตตาตัวเองลงไปบ้าง เอาปัญหามาจับ ประเทศชาติต้องแก้อะไรบ้าง แล้วท่านนำความคิดของท่านมา ระดมกันออกมาแล้วหาข้อสรุปให้ได้ ช่วงนี้เราจะทำอย่างนี้ก่อน แล้วที่ทุกคนต้องการจะไปทำช่วงสอง ช่วงสาม ท่านบอกจะนำทุกอย่างมาให้ตามคนนี้ ตามกลุ่มโน้นกลุ่มนี้ ทำได้หรือไม่ ก็เริ่มไม่ได้ตั้งแต่หนึ่ง แล้วจะไปกันอย่างไร เขาต้องทำงานกันแบบนี้

ขอขอบคุณในความตั้งใจ และในความเสียสละของท่าน เป็นกำลังใจให้เสมอ คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กมธ.) ด้วย ก็เพียงแต่ขอว่า อย่าให้ประชาชนต้องมาขัดแย้งกัน เพราะว่างานที่เราทำกันอยู่เลย เดี๋ยวประชาชนต้องมาถือข้างนี้ข้างโน้น เอาประชาชนมาเป็นตัวประกันกันอีก ไม่เอา ทุกอย่างเราต้องเป็นคนกำหนดออกมาให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบ เขาพอใจ ถ้ามติผ่านก็จบแล้ว ไม่ใช่มาสู้กันในตอนนี้ คนละขั้นตอน ตอนนี้หลาย ๆ จังหวัด ผมไม่สบายใจ เปิดเวทีกันขึ้นมาอะไรขึ้นมาแล้วก็บังคับกันว่าผ่านไม่ผ่านอะไรนี่ ไม่ใช่ คนที่ผ่าน ไม่ใช่ผ่านเพราะยอมรับในรัฐธรรมนูญทั้งหมด ผ่านเพราะว่ามีคำว่า ทำให้มีพลเมืองเป็นใหญ่ ให้พลเมืองมีอำนาจในการบริหารอย่างนี้ไม่ใช่ อำนาจเขามอบมาให้กับรัฐบาล ผ่านสามอำนาจโน้นตามขบวนการประชาธิปไตย ถ้าไปบอกประชาชนทุกพื้นที่ก็ทำอะไรไม่ได้หมด กระจายอำนาจไปหมดเลย แล้วใครจะมาบังคับบัญชาใคร ใครจะมีผู้รับผิดชอบ ไม่มีหรอกครับ เขาเรียกว่าไร้กฎหมาย เป็นเมืองเถื่อน เพราะฉะนั้นต้องมีกฎกติกา เตรียมความพร้อมก่อนที่จะไปเป็นประชาธิปไตยที่สากล จะเป็นแบบสหรัฐอเมริกา จะเป็นแบบยุโรปเป็นอะไรก็ต้องพร้อมหรือยัง ท่านถามตัวท่านเองว่า พร้อมหรือไม่

วันนี้บางคนยังไม่เข้าใจเลยว่าประชาธิปไตยจริง ๆ คืออะไร พูดอะไรออกไปบางทียังสงสัย เอาแค่ง่าย ๆ เอาเรื่องการดำรงชีวิตประจำวัน การศึกษา เราพร้อมกันทุกคนหรือไม่ ผมไม่ได้ดูถูกใคร ผมไม่ใช่คนที่มีการศึกษามาก แต่ผมไม่ดูถูกใคร แต่ผมอยากให้ทุกคนไปทบทวนว่า ที่เราคิดเราพูด ไม่ว่าจะเป็นด็อกเตอร์ นักวิชาการ ปริญญาตรี ปริญญาโท ถามดูว่า คนที่ไม่ได้เรียนหนังสือ อ่านหนังสือไม่ออก เขาคิดกันยังไง เขาคิดเหมือนอย่างที่ท่านคิดหรือไม่ เหมือนอย่างที่ผมบอก ทุกคนที่ทำงานต้องคิดแบบเขาคิด แล้วแก้ให้เขา อธิบายให้เขา ไม่ใช่ไปทำให้ข้างล่างเข้าใจตามของเรา กลุ่มนี้เข้าใจตามนี้ เราไม่ใช่นักการเมือง วันนี้เราไม่ใช่ ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ครม.  คสช. หรือเป็น สนช. ไม่ใช่นักการเมืองทั้งสิ้น

ท่านเป็นคนที่ถูกตั้งขึ้นมา แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ลงมา ตามที่ผมเสนอขึ้นไป เพื่อจะทำบ้านเมืองให้ปลอดภัย ท่านไม่ใช่นักการเมือง ท่านไปถือหางข้างใครก็ไม่ได้ ท่านต้องทำทุกอย่างให้เกิดความเป็นธรรมเกิดความเชื่อมั่น วันนี้ขาดเรื่องวิกฤติศรัทธา ขาดในเรื่องของความไว้เนื้อเชื่อใจ ความหวาดระแวงระหว่างกัน ระหว่างคน ระหว่างชนชั้นบ้าง ระหว่างกลุ่มอาชีพรายได้ต่าง ๆ บ้าง ที่ถูกสร้างมาตลอด 10 กว่าปี 20 ปีมาแล้ว เรื่อเหล่านี้ไม่เคยแก้ได้ เพราะเป็นเรื่องของการเมืองทั้งสิ้นแล้วก็ประชาธิปไตยที่ท่านบอก

วันนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีกแล้วในวันหน้า เราต้องเปลี่ยนวิกฤตินี้ให้เป็นโอกาสเวลามีเท่านี้ต้องสร้างความรักความสามัคคีเผื่อแผ่แบ่งปัน เราเหมือนคนป่วยถ้าเราทำอะไรเร็ว ๆ ก็เหมือนป่วยให้น้ำเกลือ ออกไปใหม่ก็ป่วยเหมือนเดิม ไม่ได้หาปัญหาว่าโรค เชื้อโรค โรคอะไร โรคระบาดหรือเปล่า โรครุนแรงหรือไม่ ก็ต้องแยกแยะ โรคถ้าชั่วคราวปฐมพยาบาลหายก็ไปได้ บ้านเราปฐมพยาบาลได้ที่ไหน วันนี้คนป่วยมากทุกคนคงทราบ ป่วยทุกมิติ  5 กลุ่มงานป่วยทุกอัน วันนี้ก็ต้องหายาให้เหมาะใส่เข้าไปก็ต้องร่วมมือกัน คิดยาเหมือนกับคิดวิถีทางแก้ไขหรือป้องกันโรคระบาดแล้วกัน วันนี้อย่าให้ระบาดต่อไปโรคประชาธิปไตยไทยระบาดทำให้วุ่นวายไปหมด วันนี้ผมพยายามเต็มที่ในฐานะหัวหน้า คสช. คณะรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาและการบริหารราชการในเวลาวิกฤติในขณะนี้ ก็ขอให้ความร่วมมือกับเราบ้าง

ในเรื่องของความใจบุญคนไทยนั้น ไม่ต้องกังวล มีเรื่องมีราวที่ไหนในโลกคนไทยช่วยเหลือกันหมดเนปาลเราก็ช่วย ญี่ปุ่นก็ช่วย ประเทศหมู่เกาะ เกิดที่ไหนมีปัญหาก็ช่วยหมดแล้วทำไมเราไม่ช่วยคนไทยด้วยกันเอง ช่วยให้เกิดความรัก ความสามัคคี แล้วร่วมมือในการแก้ปัญหาชาติบ้านเมือง โดยนึกถึงประโยชน์ของชาติเป็นใหญ่ เอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง ถ้าเราใช้เหตุใช้ผลในการทำงาน ในการสร้างความเข้าใจ ในการพูดจากัน ผมว่าประเทศชาติไปได้หมดจะไปอย่างไรก็ได้

รัฐบาลนี้เป็นหน้าที่ที่ต้องดูแลคนไทยทุกคนให้เท่าเทียม อยากให้เราสามัคคีกันสักที พอได้แล้ว เอาประเทศไทยเป็นหลัก ใช้เหตุใช้ผลกัน มีสติปัญญาในการคิดในการใคร่ครวญแล้วก็ระมัดระวังกันการรับรู้ทางโซเชียลมีเดีย ถ้าใครมีฐานะทางสังคมที่ดี ฐานะทางการเงินดีก็ช่วยสังคมให้มากหน่อยมีน้อยช่วยน้อยมีมากช่วยมาก แล้วต้องช่วยเหลือตัวเองก่อนด้วย แล้วรัฐถึงจะช่วยไหวถ้าให้รัฐช่วยตั้งแต่ต้นไปไม่ได้หรอก รัฐช่วยก็ต้องดูแล้วเป็นจังหวะกว่าจะแข็งแรง ไม่ใช่เด็กอ่อนกันแล้ว ทุกคนก็โตมาพอสมควรแล้วแต่ไม่มีการสร้างความเข้มแข็ง เราก็ต้องเติมส่วนที่ไม่เข้มแข็งทำได้แค่นั้น จะดูแลตั้งแต่ต้นจนจบเกิดจนตาย ไมใช่ ไม่มีประเทศไหนเขาทำอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นขอชื่นชมหลายอย่างที่สำเร็จได้ด้วยดี ไม่มีความขัดแย้งมาช่วยกันแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ หนังสือพิมพ์หลายเล่มผมเดลินิวส์ก่อน มีโครงการช่วยเหลือเกษตรกรมาต่อเนื่อง ไม่ว่าจะมาร่วมกับโครงการที่รัฐบาลทำอยู่สามารถที่จะทำลดราคาอะไรต่าง ๆ ผมเห็นมีเครือข่ายมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งไปเยือนจังหวัดเชียงใหม่ครั้งนี้แล้วมีเครือข่ายเกษตรกรรายย่อยผู้ผลิตอาหารอินทรีย์รวมตัวกัน 2,000 คน ให้ทุกคนมาสนใจรักษาสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นข้าว เป็นผักผลไม้ต่าง ๆ อันนี้เป็นสิ่งที่ดี หลายโครงการเรื่องปุ๋ยเรื่องข้าวเรื่องการเพิ่มรายได้ เรื่องการลดใช้น้ำ เรื่องการปรับเปลี่ยนเขาก็ช่วยตัวเองมา คนเหล่านี้รัฐก็ต้องนำเขามาเสริม มาทำโครงการผูกปิ่นโตข้าว เชื่อมคนกรุงกับชาวนาเกษตร ซึ่งขาดหายไปหมดเลย ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความนึกถึงกัน เพราะทุกคนฝากความหวังไว้กับการเมือง ฝากไว้กับรัฐบาล โดยที่กลไกต่าง ๆ ข้างล่างไม่ช่วยกัน ต่างคนต่างก็ทำอย่างเดียวคือมุ่งหวังผลกำไร มาเผื่อแผ่แบ่งปันในองค์กรของท่าน ใช่เรื่องผิด เป็นเรื่องของการค้าเสรีอยู่แล้ว แต่วันนี้ทั้งหมดต้องกลับมาช่วยดูกับสิ่งที่เราลืมไป คือคนที่รายได้น้อย เขาเป็นส่วนหนึ่ง เป็นห่วงโซ่หนึ่งในของท่านด้วย ท่านต้องมาช่วย ทุกสมาคมถ้าเรียกร้องอย่างเดียว ผมก็ให้ไม่ได้อย่างมากก็ให้ได้แค่ในสิทธิประโยชน์ซึ่งไม่ได้ เพราะสิทธิประโยชน์ให้ไปท่านก็ทำไม่ได้อยู่ดีเพราะไม่มีฐานการผลิต ไม่มีฐานเกษตรกร ที่ไม่เข้มแข็งไง

ประชาชนต้องช่วยกันปรับเปลี่ยนพื้นที่ ปรับเปลี่ยนการปลูกพืช ก็ขอให้รณรงค์กัน ช่วยกันบริโภคข้าวกล้องด้วย พืชอินทรีย์ ต่อไปในโลกก็ต้องแข่งขันการผลิตข้าวที่มีคุณภาพทุกประเทศในโลกปลูกข้าวได้หมดแล้วขึ้นอยู่กับว่าต่อไปราคาข้าวจะดีเฉพาะข้าวที่มีคุณภาพ ข้าวหอมมะลิเกรดสูง ข้าวพรีเมียม ข้าวราคาต่ำ ๆ ก็จะลดลงไปเรื่อย ๆ มาแข่งกันกับตรงนั้น เพราะฉะนั้นพี่น้องเกษตรกรก็ไปดูด้วยแล้วกันว่า ควรจะเหมาะสมในการปลูกอย่างไร มีน้ำมากจะปลูกอย่างไร ดินดีจะปลูกอะไร ไม่ใช่ปลูกเอาแต่ปริมาณอย่างเดียวก็ไม่ได้อีก ต้องใช้พื้นที่ให้น้อยลง ใช้น้ำให้น้อยลงแล้วมีประโยชน์กลับมาให้มากที่สุด ชาวไร่ชาวนาอยู่อย่างมีความสุข ไปปรับกันกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับไปแล้ว กระทรวงมหาดไทย หลายกระทรวงรับไปแล้ว

สัปดาห์ที่แล้วเรื่องการจัดไม้ดอกไม้ประดับและปลาสวยงามที่ตลาดคลองผดุงกรุงเกษมเสร็จไปแล้ว รายได้เกือบ 24 ล้านบาท ขอขอบคุณทุกคน ถือว่าเป็นความสำเร็จกับความริเริ่มก็ได้มีการขยายไปสู่ในทุกมุมเมืองด้วย ในอนาคต ในทุกจังหวัดด้วย ภาคเอกชนเขาทำกันเองก็ได้ รวมกลุ่มเกษตรกรมาแล้วก็เปิดตลาดขายขอผู้ว่าราชการเขา ขออะไรเขา ท่านต้องเริ่มเองบ้างอย่าให้ต้องไปสั่งทุกเรื่อง ๆ ผมก็สั่งจนเหนื่อยแล้ว เพราะฉะนั้นควรจะเกิดขึ้นมาทั้งนานทำตัวอย่างมาตั้ง 4 - 5 ตลาดแล้ว ทำกันเองบ้าง สมาคม พ่อค้า อุตสาหกรรม หอการค้าจังหวัดทำกันเองบ้าง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)  ก็บอกว่าต้องการอำนาจ ต้องการอะไรต่าง ๆ  ท่านก็แสดงให้เขาเห็นว่าท่านพร้อมจะได้อำนาจมา ได้อำนาจคืน ท่านก็แสดงให้เห็นท่านรวมกลุ่มคนได้ไหม ไปรวมไปเชื่อมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านนำสิ่งดี ๆ มาให้ปรากฏในพื้นที่ของท่านคนก็รับท่าน รักกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ อปท. ท่านจะได้ไม่ไปกลัวไม่รู้จะยุบจะปลดกันเมื่อไหร่ ทำไมไม่คิดแบบที่ผมคิดนี้ เพราะฉะนั้นหลายอย่างดีขึ้นในเรื่องของตลาดต่าง ๆ แต่ยังไม่เท่าที่ผมคาดหวัง จะได้ช่วยกันประชาสัมพันธ์สินค้าแล้วนำสินค้าที่มาโดยตรงจากเกษตรกรขึ้นมา ให้สามารถที่จะไปเป็นเถ้าแก่ใหม่อะไรบ้างในอนาคต Social Business ธุรกิจเพื่อสังคม ผมให้เริ่มไปแล้ว เรื่องขายข้าว ซื้อผลิตผลการเกษตรค่อย ๆ ทำไป วันนี้ก็ต้องช่วยงานกัน

ในส่วนของประชาชนที่มาร่วมงาน ต้องขอขอบคุณที่ทุกคนให้ความร่วมมือกับรัฐบาลมาโดยตลอด เดี๋ยวก็จะจัดงานอื่นไปอีก ขอให้มาหลายคน ก็บอกขอไปอยู่ตามมุมเมืองบ้าง เพราะเข้ามาไม่สะดวกเดินรถติดอะไรแบบนี้ ไกล ผมก็ว่านี่มีเรือวิ่งให้แล้ว ก็เริ่มมีเรือวิ่งจากหัวลำโพงไปออกทางเจ้าพระยาแล้วก็ผ่านแถวนี้ด้วยมีท่า 7 – 8 ท่า ก็ให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) ทำต่อ เว้นแต่ทำไม่ได้ก็ต้องหยุดช่วงไหนวิ่งได้ต้องวิ่งเพราะว่าเป็นนโยบายเน้นให้การบริการประชาชน

งานต่อไปที่จะจัดข้างทำเนียบคือ  "งานมหกรรมสุขภาพ เมืองสุขภาพดี วิถีชุมชน" ก็อยากให้นำแผนไทยมาทั้งหมดได้ผสมผสานจัดระหว่างวันที่ 7 -26 กรกฎาคม 2558 เป็นการส่งเสริมสถานบริการสุขภาพของไทย เพราะเรามีโอกาสมากในเรื่องแพทย์แผนไทย ในเรื่องของสมุนไพร เรื่องที่เราจะนำมาแปรรูป ดีกว่าที่จะนำสมุนไพรไทยขายวัตถุดิบไปข้างนอกอย่างเดียว แล้วซื้อเขากลับมาแพง ๆ ข้อสำคัญคือ ให้ทุกคนเรียนรู้ว่า เราจะดูแลสุขภาพของเราอย่างไรง่าย ๆ วันนี้เราสิ้นเปลืองในงบสาธารณสุขจำนวนมากมหาศาล แล้วเราก็ทำได้แค่นี้ เพราะรายได้เรามีเท่านี้ เมื่อเรามีรายได้น้อยก็มีปัญหาเรื่องงบรักษาพยาบาลฟรี ต้องไปหางบสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มา สปสช. ก็ไม่พอ เมื่อไม่พอก็เกิดความขัดแย้ง ผมถามว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เริ่มมาถูกหรือไม่ ดีมากคือประชาชน แต่รัฐแก้ไม่ได้หรอกอย่างไรก็พันอยู่อย่างนี้บางทีมาก ๆ ขึ้นเรื่อย ๆ แล้วทำอย่างไรรายได้ยังไม่มา เรียกร้องกันทุกอย่าง นั้นคือปัญหาที่สร้างกันมาแล้วผมต้องมาตามแก้อยู่

เพราะฉะนั้นช่วยกันคิดด้วย เรื่องสาธารณสุขเราจะเป็นยังไงกันต่อไป เรื่องการศึกษาฟรีไม่ฟรีอะไรอย่างนี้ ผมแก้ไม่ได้ ถ้าจะให้ยกเลิก แต่ทำอย่างไรจะเกิดความเป็นธรรม ทำอย่างไรจะมีความก้าวหน้า ทำอย่างไรจะมีอนาคต ไม่ใช่พันหลังไปเรื่อยอย่างนี้ไม่ได้ ผมไม่เลิกอยู่แล้ว

ในเรื่องพื้นที่ ขอฝากท่านผู้ว่ากับหัวหน้าส่วนราชการของทุกกระทรวงที่อยู่กับจังหวัดต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันไปช่วยกันจัดงานก็ต้องให้ดูด้วยมีคนขายคนซื้อหรือไม่ ไม่ใช่จัดโชว์อย่างเดียว ผมเห็นหลาย ๆ ตลาดจัดตามนโยบายผมในกรุงเทพฯ ก็มี  ถ้า OTOP ผมเห็นแต่ร้านเปล่า ๆ มีก็มีคนนั่งอยู่คน คนดูก็ไม่สนใจท่านก็ปรับเปลี่ยน ถ้าขาย OTOP อย่างเดียวขายไม่ได้ วันนี้ขายข้าว ขายอาหาร พรุ่งนี้ขาย OTOP ให้เป็นอย่างนี้ความคิดไม่มีกันเลยหรืออย่างไร พอสั่ง OTOP ก็ OTOPพอสั่งตลาดขายข้าวก็ขายข้าว ขายปลาก็ขายปลา ทำไมไม่คิดกันเองบ้าง

ในห้วง 1 กรกฎาคม วันที่ 1 นี้ ประเทศไทยกับประเทศจีนได้ฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบรอบ 40 ปีแล้ว เมื่อวันก่อนผมก็ได้ไปร่วมงานและวันที่ 4 กรกฎาคม เป็นวันชาติสหรัฐฯ สำหรับประเทศไทยกับสหรัฐฯ นั้น มีความสัมพันธ์มายาวนานก็ขอแสดงความยินดีกับประชาชนของทั้ง 3 ประเทศด้วย ทั้ง จีน สหรัฐฯ ซึ่งคนละวาระกัน ก็คนไทยทั้ง สองฝ่าย 2 ประเทศ 3 ประเทศก็เดินทางไปมาหาสู่อยู่แล้ว มีความผูกพัน มีความร่วมมือ ร่วมใจในหลายระดับ ทั้งระดับสถาบัน ระดับรัฐบาล ระดับประชาชน การท่องเที่ยว การค้า วัฒนธรรมต่าง ๆ มากมายไปหมด ก็ยังมีความสัมพันธ์กันแน่นแฟ้นต่อไป ไม่ใช่เพียงแค่ 100 ปี 40 ปี ไม่ใช่ เป็น 1,000 ปีโน้นไปข้างหน้า พอย้อนหลังมาก็หลายร้อยปีอยู่แล้ว

สุดท้ายนี้ ขอแสดงความชื่นชมนักปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพทุกท่าน ที่ได้ร่วมกันแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ได้มีการลงทะเบียนร่วมในกิจกรรม "BIKE FOR MOM - ปั่นเพื่อแม่" เกือบ 150,000 คนแล้ว เมื่อวานก็ทราบว่าเว็บล้มไปแล้วก็ต้องแก้ไขปัญหาให้ได้โดยเร็วนะครับ เพราะอยากให้ทุกคนได้มาแสดงออกถึงความจงรักภักดี สร้างรักความสามัคคีของคนในชาติ แล้วมีกิจกรรมออกแรงร่วมกัน ก็เป็นการจุดประกายว่าเราต้องแก้ไขเรื่องสุขภาพของเราด้วยการเฝ้าระวัง ปลุกจิตสำนึกมากกว่าที่จะต้องเข้าไปรักษา ไปเยียวยา เสียเวลา เสียงบประมาณจำนวนมาก ถ้าเราแข็งแรง ก็ไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลมาก เสียค่ายาก็เล็กน้อย

ขอเชิญชวนทุกท่านมาสมัครเพิ่มขึ้น ถ้าสมัครมีปัญหาก็มา อย่างไรก็ต้องมา มาลงทะเบียนกันมาก ๆ ลงไม่ได้ก็มา คือถือว่ามาร่วมใจกันถวายสมเด็จแม่ของแผ่นดินเราก็จะมาลงทะเบียนฯ กันถึงวันที่ 9 สิงหาคม 2558 จะได้แสดงให้โลกเขาเห็นว่า เรารวมกันได้แล้ว ถ้าเรารวมกันได้มาก ๆ ขึ้น มาแสดงกิจกรรมกันมากขึ้น ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง ไม่มีข่าวเลวร้ายในประเทศออกไปก็ดีทั้งหมด แผ่นดินนี้ เป็นแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง ช่วยกันสร้างแผ่นดินธรรม แผ่นดินทองให้ได้ในเวลานี้ ผมคิดว่านั้นคืออนาคตของคนไทยวันนี้ คนไทยในอนาคตและคนไทยที่กำลังจะเกิดมาในอนาคตด้วย ขอบคุณครับ สวัสดีครับ

...................................

          ที่มา : http://www.thaigov.go.th/