พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" เมื่อวันศุกร์ที่ 11 กันยายน 2558

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" เมื่อวันศุกร์ที่ 11 กันยายน 2558

วันที่นำเข้าข้อมูล 15 ก.ย. 2558

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565

| 2,806 view
รายการคืนความสุขให้คนในชาติ
 

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย วันศุกร์ที่ 11 กันยายน 2558 เวลา 20.15 น.

สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน

วันนี้มีเรื่องสำคัญหลายเรื่องที่จะเรียนให้พี่น้องประชาชนทราบ

เรื่องร่างรัฐธรรมนูญ สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ไม่ผ่านความเห็นชอบของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ผมก็อยากให้ทุกคนมองในหลายมุม ไม่ว่าจะในเรื่องของประชาธิปไตย เป็นหรือไม่เป็น หรือเรื่องของการสืบทอดอำนาจอย่างเดียว ทำนองนี้ ผมอยากจะคิดแต่เพียงว่า ช่วยผมคิดแล้วกันว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศชาติ และประชาชนนั้นได้ประโยชน์ ประเทศชาติมีความสงบสุข สันติ ปลอดภัย ประชาชนไม่ถูกนำกลับเข้าไปสู่ความขัดแย้ง และการปฏิรูปประเทศขับเคลื่อนต่อไปให้ได้ โดยรัฐบาลที่เราไว้วางใจ มาจากการเลือกตั้งในครั้งต่อไป ผมคิดว่าอันนี้เป็นประเด็นสำคัญว่าเราจะทำได้หรือไม่ ทุกคนถ้าช่วยกันอะไรก็ผ่านได้หมด

เราต้องหาวิธีการอีกอย่างว่าจะทำอย่างไร รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ไม่ได้หมายความว่าผมไม่ไว้ใจเขา เพราะทุกท่านก็มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาในการเลือกตั้งทุกคน เว้นแต่ผู้ที่มีความผิด เราทำอย่างไรรัฐบาลหน้าจะดูทั้งในเรื่องของผลประโยชน์ชาติ ดูในเรื่องของการดูแลพี่น้องประชาชนที่มีรายได้แตกต่างกัน การลดความเหลื่อมล้ำ การให้ความเป็นธรรม การบังคับใช้กฎหมายที่สมบูรณ์ เจ้าหน้าที่ไม่เดือดร้อน ถ้าทุกคนเข้ามาแล้ว มีความรับผิดชอบแล้ว ผมก็ไม่มีปัญหาว่าจะเดินไปอย่างไร จะร่างกันอย่างไร ผมคงไปเกี่ยวข้องไม่ได้

อยากให้ทุกคนช่วยคิดกันว่ารัฐธรรมนูญฉบับต่อไปที่จะร่างขึ้นมาใหม่นี้ อย่าไปมองในเรื่องของประชาธิปไตยอย่างเดียว อย่าไปมองเรื่องการสืบทอดอำนาจของผม ไม่ต้องกลัวผม ผมพร้อมที่จะสละทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าหากว่าเราได้รัฐบาลที่รับผิดชอบ รัฐบาลที่ไม่ทำความผิดพลาดอีก นักการเมืองดี ๆ มีมาก 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ ที่ไม่ดีก็มีอยู่บ้าง บางคนบางพรรค ทำให้พรรคเสียหายด้วย เพราะฉะนั้นก็ทำให้ทุกอย่างแย่ไปกว่าเดิม เว้นนี้เป็นโอกาสเดียวของประชาชน ของพวกเราที่จะทำให้ประเทศชาติของเราเดินหน้าไปได้ด้วยดีในอนาคต ผมก็ไม่ได้อยู่กับท่านแล้ว ผมคงช่วยท่านแก้ไขอะไรไม่ได้อีก

เพราะฉะนั้น ถ้าท่านเป็นกังวลในเรื่องเหล่านี้ ท่านก็ต้องมาร่วมมือในการศึกษา ทำความเข้าใจในเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญตั้งแต่ต้น ขอเชิญชวนว่าจะทำอย่างไร พรรคการเมือง นักการเมืองไม่ว่าจะพรรคใดก็ตาม ผมอยากให้เข้ามามีส่วนอย่างน้อยในเรื่องของการปฏิรูป ในสภาขับเคลื่อนที่เรากำลังจะตั้งขึ้นมาใหม่ ผมก็เชิญมาทั้งหมดใครที่เกี่ยวข้องเข้ามา แต่ถ้าไม่เข้ามาแล้วพูดจาเสียหายผมก็รับไม่ค่อยได้ เพราะฉะนั้นเข้ามาเถอะครับ จะได้ต่อเนื่องกันไป คณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญเขาก็ทำหน้าที่ของเขาไป และสร้างความใจเป็นระยะ ๆ ไป ที่ผ่านมาผมเห็นเขาก็ทำ แต่เพียงแต่ว่าจะฟังกันหรือไม่เท่านั้นเอง วันนี้เราต้องทำทั้งสร้างประชาธิปไตยใหม่ที่เป็นสากลและแก้ปัญหาประเทศชาติไปได้ด้วย อันนี้สำคัญที่สุด และเดินหน้าเรื่องการปรองดอง ผ่านกระบวนการกฎหมายและยุติธรรมก่อน และการปฏิรูปใน 11 เรื่อง 37 วาระ ที่ร่างกันไว้แล้ว ภายใต้กฎหมายที่จะต้องอำนวยความสะดวกในการทำงานดังกล่าวทั้งหมด

เรื่องการสร้างความขัดแย้งก็เช่นเดียวกัน ดูว่าครั้งที่แล้วมีปัญหาตรงไหน ถ้าบอกว่ามีปัญหาเฉพาะว่ามีการประท้วงแล้วทหาร ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ไม่ไปช่วยปราบปรามการประท้วง ถ้าไม่มีเรื่องอย่างอื่นเข้ามา เช่น เรื่องการใช้อาวุธสงคราม การใช้ระเบิด ใช้อะไรต่าง ๆ มากับประชาชนที่ประท้วง และครั้งนี้ทหาร ตำรวจ เขาไม่ได้เกี่ยวข้องในการที่จะใช้กำลังดังกล่าว วันนี้ก็ติดคุกไปหลายราย สังคมก็ดูเอาเองก็แล้วกัน ผมไม่ได้ไปกล่าวอ้างว่าใครทั้งสิ้น

วันนี้เราเป็นนักการทหาร เข้ามาเป็นนักการเมืองโดยความจำเป็น และส่วนใหญ่ก็เป็นข้าราชการ เพราะฉะนั้นเรามุ่งหวังที่จะแก้ปัญหาที่เราต้องเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านั้นมาโดยตลอดชีวิตของพวกเรา ว่าทำอย่างไรเราจะไม่ถูกก้าวล่วงในการทำงานของให้เราทำหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์ใจภายใต้กฎหมาย ไม่เลือกปฏิบัติเจ้าหน้าที่ก็มีความสุข อันนี้ก็อยากจะฝากไว้ด้วย สำหรับผู้ที่เป็นนักการเมือง ผู้ที่จะเข้ามาในการใช้อำนาจต่อไป ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ในการมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและปรองดอง) คปป. หรือไม่มี คปป. เป็นคำตอบอยู่ในตัวอยู่แล้ว ผมพูดมาตั้งแต่ต้นแล้ว ถ้านักการเมืองทุกคนทำได้ ทำจริง และถ้าไม่ทำจะเป็นอย่างไร ก็ไม่จำเป็นต้องมีอะไรทั้งสิ้น

เพราะฉะนั้นอาจจะต้องเป็นคำสัญญากันของนักการเมืองต่อไปหรือไม่ ในเรื่องของการเลือกตั้ง ก่อนการเลือกตั้ง การหาเสียงต่าง ๆ เหล่านี้ ผมไม่อยากให้ทุกคน แม้กระทั่งผมเอง ผมไม่เคยคิดว่าประชาชนฉลาดน้อยกว่าผม เขาฉลาดในสิ่งที่เขาถนัด สิ่งที่เขาทำอาชีพมาตลอดชีวิต ผมสู้ท่านไม่ได้หรอก ผมไปปลูกข้าวแข่งใครก็ไม่เป็น ไปหากินอย่างอื่นก็ไม่ได้ เป็นทหารมาตลอดชีวิต อย่าคิดว่าเขาฉลาดน้อยกว่าเรา เพียงแต่ว่าทำอย่างไรเขาจะฉลาดกว่าเรา เพราะฉะนั้นต้องให้ความรู้เขา ให้ความเป็นธรรมเขา ดูแลเขาอย่างทั่วถึงเป็นธรรม  ไม่ชักจูงเขาให้เกิดความขัดแย้ง ไม่ใช้อำนาจในทางที่ผิด ใช้งบประมาณในทางที่สร้างความขัดแย้ง ไม่ทั่วถึง เหล่านี้เป็นปัญหาทั้งสิ้น ทำให้เกิดการต่อต้านการประท้วงรัฐบาล ทุกรัฐบาลไม่ใช่รัฐบาลที่แล้ว มีมาทุกรัฐบาลก็เกิดการประท้วงยาวนาน และก็มีการใช้อาวุธสงคราม ใช้ระเบิดต่าง ๆ มาและทราบดีอยู่แล้ว ไม่อยากพูดให้เสียหายต่อไป

ปี 2553 ก็เกิดขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้ว ก็ใครเป็นรัฐบาล ใครไม่ได้เป็นรัฐบาล แล้วการต่อต้านรัฐบาล การต่อต้านการประชุมระดับอาเซียน การใช้อาวุธก็ชัดเจนอยู่แล้ว แต่ผมว่าคงไม่ใช่ทั้งหมด มีคนบางคนที่อยู่ในกลุ่มบางกลุ่มที่ชอบใช้ความรุนแรง คิดว่าความรุนแรงแก้ปัญหาได้ ให้คนกลัว ให้คนไม่ประท้วงอะไรก็แล้วแต่ เพราะฉะนั้นอย่าให้มีอีกเลย ใช้กฎหมายมาแยกแยะออกก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้น ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็เป็นเครื่องมือตลอดเวลา ถูกทำให้เสียหาย ที่ผมเข้ามาจริง ๆ แล้วไม่อยากทำอะไรเลย ที่จะต้องไปลงโทษเจ้าหน้าที่ มีการย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ว่าราชการจังหวัด ข้าราชการอีกมากมาย เมื่อตอนเข้ามาวันที่ 22 พฤษภาคม และผมก็สอบสวน สอบถามทำไมถึงทำแบบนี้ เขาบอกว่าฝ่ายรัฐก็มีคนสั่งไปให้เขาทำแบบนั้น แบบนี้ ผมก็บอกว่า สอบสวนกันก็แล้วกัน เท่าที่ผ่านมาถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐไปเกี่ยวข้อง ไม่มีการใช้อำนาจในทางที่ผิดเรื่องเหล่านี้ไม่เกิดขึ้นหรอกครับ

วันนี้ ผมไม่ทำเลย ในการใช้อำนาจของผมเพื่อผมเอง ไม่เคยมี เพื่อให้รัฐบาลอยู่ได้ไม่มี ผมใช้แต่เพียงว่าความตั้งใจของผม เจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ของผม ในการที่จะทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจ และอดทนรอเวลาที่จะดีขึ้น ๆ อย่างยั่งยืน สังคมช่วยกันพิจารณา ในแง่มุมนี้ วันนี้เราติดกับดักตัวเองมามากมายหลายอย่าง ในเรื่องของการเดินหน้าประเทศไทย ทั้งจากกับดักของตัวเอง กับดักเศรษฐกิจ กับดักของความมั่นคงต่าง ๆ กับดักทั้งสิ้น เราต้องหลุดพ้นให้ได้ ถ้าหลุดพ้นได้เราก็จะเป็นประเทศที่มีรายได้มาก เป็นประเทศที่มีความมีเสถียรภาพอย่างยั่งยืน

ใครก็ตามที่ถูกกล่าวหา ถูกกล่าวอ้างว่ามีความผิดก็เข้ามากระบวนการยุติธรรม ผมว่าศาลต่าง ๆ เขาก็ดูอยู่แล้ว ถ้าร่วมมือต่าง ๆ ก็มีความเมตตากัน แต่ถ้าสู้กันแบบมวยวัดไปเรื่อย ๆ ก็ยิ่งหนักเข้าไปเรื่อย ๆ ทุกวัน ผมก็เห็นใจเจ้าหน้าที่ ศาลฯ เดือดร้อนไปหมด เจ้าหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องของการตรวจสอบการทุจริตก็มีปัญหาหมดถูกระเบิด ถูกยิงอะไรต่าง ๆ ที่ผ่านมา ผมว่าไม่ถูกต้อง เราอย่าไปร่วมมือกับคนเหล่านี้ ในการใช้ความรุนแรง รักคนแต่อย่ารักในทางที่ผิด จะชื่นชมก็อย่าไปทำให้คนอื่นเดือดร้อน แล้วก็เตรียมการในการที่จะเลือกตั้งครั้งหน้าให้ดีแล้วกัน

เพราะฉะนั้นวันนี้ใครจะผิดจะถูกอยู่ที่พยานบุคคล วัตถุพยานทั้งสิ้น ใครจะกล่าวหาอย่างไรก็ตาม ถ้าพิสูจน์แล้วไม่ผิดก็คือไม่ผิด ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลฝ่ายค้าน ข้าราชการประชาชนต่อไปนี้ก็ต้องคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของตนเอง ว่าที่ผ่านมานั้นเรามีส่วนร่วมอยู่ตรงไหน อันไหนแล้วควรจะไปช่วยกันขจัดความขัดแย้ง อันไหนที่เราจะช่วยให้สังคมสงบเรียบร้อย ถ้าเราไปทะเลาะกันเอง เป็นเครื่องมือของแต่ละฝ่าย ๆ ก็เดือดร้อนอยู่แบบนี้ ไม่มีใครเขาแก้ให้ท่านได้อยู่แล้ว ท่านต้องแก้ด้วยคนทั้ง 70 ล้านคน แก้เอง ผมก็เพียง 1 ใน 70 ล้านเท่านั้นเอง

ในส่วนของต่างประเทศ ผมและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลเข้าใจดีถึงพันธะผูกพันต่าง ๆ ผมก็ใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวด ในการสร้างความเข้าใจ ให้มีเหตุมีผล ให้เขายอมรับในหลักการและความจำเป็นต่าง ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน แต่คราวนี้สิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งหรือคนที่กระทำความผิดอยู่ แล้วหลบหนีไป ก็พยายามไปให้ข้อมูลที่บิดเบือนอยู่กับต่างประเทศ ต่างชาติก็ไม่มีวันเข้าใจเรา ถึงจะพูดอย่างไรก็ตาม ก็ยาก ผมทราบว่าในการรายงานเหตุการณ์ในประเทศไทย ผ่านช่องทางหลาย ๆ ช่องทางไป ส่วนใหญ่เอาเรื่องไม่ดีไปทั้งนั้น เรื่องดี ๆ ไม่เอาไปเลย ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น กำลังให้กระทรวงการต่างประเทศไปตรวจสอบในเรื่องเหล่านี้ ผมไม่อยากให้สร้างความขัดแย้งกันอีกต่อไป เพราะวันนี้เราเข้ามาดูแลมิตรประเทศ ดูการลงทุน ให้ความเป็นธรรม ขจัดการทุจริตทุกเรื่อง ผมไม่ได้ไปทำร้ายอะไรเขาเลย ทุกประเทศ ผมก็ติดอยู่อย่างเดียวคือการเข้ามาของผมเท่านั้นเอง อย่างอื่นผมคิดว่าผมทำได้มากพอสมควร เขาก็ยอมรับผมในมิติเหล่านี้

เพราะฉะนั้น การที่คนเหล่านี้หลบหนีอยู่ต่างประเทศ และใช้ช่องทางการติดต่อสื่อสารทางSocial Media การสัมภาษณ์ทางคลิปต่าง ๆ และก็ป้ายความผิดต่าง ๆ ให้ข้าราชการ ให้รัฐบาลปัจจุบัน ให้ประชาชนเหล่านี้ ผมคิดว่าเหล่านี้น่าจะพอได้แล้ว เพราะต่อสู้ไป ผมคิดว่าไม่ได้ต่อสู้กับผม ต่อสู้กับกฎหมาย หรือไม่ก็มาต่อสู้ทางกฎหมาย เพราะฉะนั้นคนไทยทั้งประเทศ ในเมื่อเราทุกคนบอกว่าเรารักชาติ รักแผ่นดิน ก็ต้องกรุณาพิจารณาด้วย ว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องเหล่านี้ สนับสนุนการหมิ่นสถาบัน ไม่มีการห้ามปราม สนับสนุนการใช้ความรุนแรง ไม่เข้าไปแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ควรจะเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินต่อไปอีกหรือไม่ ในอนาคตทุกคนต้องช่วยกันคิด เป็นเรื่องของท่านที่จะกำหนดอนาคตของประเทศเอง เพราะว่าท่านจะต้องเป็นผู้รับผลจากการกระทำของรัฐบาลที่จะต้องเลือกตั้งเข้ามา หากได้รัฐบาลที่ไม่มีธรรมาภิบาล ก็ไม่มีใครมาแก้ปัญหาให้ท่านอีกแล้ว

เรื่องการใช้อำนาจตามมาตรา 44 นั้น ผมจะใช้ในทางสร้างสรรค์เพื่อปฏิรูป ขับเคลื่อนประเทศ แก้ปัญหาที่ซับซ้อนให้ได้ภายในเวลาจำกัด บางปัญหานั้นก็ไม่อยากให้เอาไปกล่าวอ้างถึงสถาบันอีก ผมก็จำเป็นต้องใช้ เพราะฉะนั้นถึงผมจะใช้ไปแล้วก็ยังไม่หยุดยั้ง ก็ยังคงสนับสนุนให้มีบุคคลต่าง ๆ ในต่างประเทศ ใช้การให้ข่าวบิดเบือนทำร้ายสถาบันอยู่ตลอดเวลา ทั้งวาจา ทั้งสื่อ Social โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้จากต่างประเทศ ซึ่งเป็นกฎหมายของเราไปไม่ถึงตรงโน้น เราไม่สามารถไปปิดกั้นได้ ในการดำเนินงานของบริษัทต่าง ๆ เหล่านั้นได้ ในการส่งข้อมูลต่าง ๆ เหล่านั้นเข้ามา เราก็มาทำในบ้านเรา บ้านเราก็ถูกว่าจะต้องไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชนต่าง ๆ เหล่านี้ เราไม่เคยคิดอยากจะละเมิดใครเลย แต่ถ้าใครก็ตามมีพฤติกรรมเหล่านี้ ก็จำเป็นต้องมีกฎหมาย ผมคิดอย่างนี้ ช่วยกันคิดแล้วกันว่าจะต้องไปทำอย่างไร

ผมพูดวันนี้หลายเรื่อง อาจจะมองแล้วเข้าใจยาก ทั้งนี้ท่านต้องเปิดตัวเอง เปิดใจตัวเองให้กว้างขึ้น และฟังผมพูด แต่ถ้าท่านฟังสื่อ สื่อเขาจะเสนอทั้งสองข้างได้เสมอกัน ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี Social Media ก็ทับเข้ามาอีก ประชาชนก็สับสน เพราะฉะนั้นท่านรองจับประเด็นว่าผมทำอะไร เขาทำอะไร Social Media ใครทำอะไร อาจจะทำเหมือนกัน ผมอาจจะทำน้อยกว่า เพราะผมระมัดระวังในเรื่องของงบประมาณ เรื่องของความเสียหาย ผมระวังที่สุดเลย แต่ถ้าถูกโจมตีอยู่บ่อย ๆ เข้า เวลามาตำหนิโครงการของผม ก็ผมไม่ได้ทำอย่างที่คุณว่า ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ผมก็จำเป็นต้องแถลงชี้แจง ผมไม่ได้ไปชี้นำศาลอะไร อยู่ที่พฤติกรรมท่านทั้งสิ้น และไม่อยากให้ต่อสู้กันแบบนี้ต่อไป ประชาชนก็เกลียดชัง สร้างความเกลียดชัง ถ้าเกลียดชังผม ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมไปทำอะไรท่านไม่ได้อยู่แล้ว แต่ถ้าเกลียดชังคนอื่น ๆ คนภายในประเทศด้วยกัน ผมว่าไม่ดี อนาคตประเทศไม่มีเลย

เพราะฉะนั้น ผมไม่เคยว่านักการเมืองทั้งหมด ผมว่านักการเมืองบางคน หรือบางคนที่ไปผสม ๆ อยู่ในพรรคต่าง ๆ ผมคิดว่าเราต้องแยกคนเหล่านี้ออก เพราะไม่อย่างนั้นก็ขัดแย้งกันอยู่แบบนี้ ท่านติดตามก็แล้วกัน ควรเป็นใครผมไม่กล่าว เดี๋ยวหาว่าผมไปชี้นำอีก วันหน้าผมอยากให้มีนักการเมืองหน้าใหม่เข้ามามาก ๆ แล้วก็ต้องเข้ามาทำงานอย่างแท้จริง และสานต่อสิ่งที่ผมทำไว้บ้าง ถ้าไม่ทั้งหมดก็ทำไว้บ้าง เพราะว่าวางไว้มาก แต่ก็ไม่ไปทาบทับการบริหารราชการแผ่นดินของท่าน จะใช้จ่ายงบประมาณอะไรของท่านก็ว่ากันไป แต่ท่านทำงานตามแผนนี้บ้าง ก็ไปได้หมดประเทศ เคารพในสิทธิ ในหน้าที่ของแต่ละคน ๆ

ส่วนของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจนั้น จะเห็นว่าเรามีหลายมาตรการออกไป เราก็ต้องดูในทุกอาชีพ ทุกรายได้ ทุกกลุ่ม ตั้งแต่รายได้สูง รายได้ปานกลาง รายได้น้อย รายได้น้อยจะมีปัญหามาก เพราะมีหลายกลุ่ม เกษตรกรก็มี รับจ้างก็มี วันนี้ก็ดูทั้งในเรื่องการเตรียมการเรื่องของการปรับโครงสร้างต่าง ๆ การลงทุน การดูแลธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง ให้ใหญ่ขึ้น SMEs ปรับโครงสร้างเรื่องการบริหารจัดการน้ำใหม่ว่าทำอย่างไรจะทั่วถึง และเรื่องของการดูแลทรัพยากรธรรมชาติ จัดที่ดินให้ประชาชนอยู่ ให้ทั่วถึง ทุกคนมีสิทธิ์จะอยู่ในแผ่นดินนี้อยู่แล้ว แต่ให้ไปแล้วก็อย่าไปขาย ไปขายแล้วก็บุกรุกใหม่ก็เป็นอยู่แบบนี้ ป่าก็หมดไปเรื่อย ๆ ให้เท่าไหร่ก็ไม่พอ แล้วที่เราก็ไม่ได้มีมากมายขนาดนั้น พอป่าลดลงอะไรก็ลดลง ฝนก็ลดลง จะเห็นได้ว่าช่วงที่ผ่านมาปริมาณน้ำฝน ก็ตกบ้างไม่ตกบ้าง มาล่าบ้าง หมดเร็วบ้าง น้ำเก็บกักไม่ได้ในตัวเขื่อนเข้าไปอีก ต้องมาทำอ่างกักเก็บน้ำนอกเขื่อน ใต้เขื่อนอะไรทำนองนี้ หลายเรื่องกำลังทำอยู่

เพราะฉะนั้นอยากจะให้ทุกคนเข้าใจประเด็นเหล่านี้ ผมอยากจะสร้างสิ่งดี ๆ เหล่านี้ไว้ให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ และไม่ลำบากอีกต่อไป แต่จำเป็นต้องเข้าใจกันก่อน ในหลาย ๆ ประเทศที่เข้ามาพูดคุยกัน เขาก็เข้าใจ เรื่องการค้าขาย การลงทุน บางคนบอกว่าไม่มีใครอยากจะพูด ผมเห็นเขาอยากจะพูดกับผมทุกคน ผมไปไหนเขาก็พูดกับผม ไปไหนเขาก็ทวิภาคีกับผม พูดจาเจรจาทั้งสองประเทศ ทั้งในอาเซียน ทั้งในประเทศอื่น ๆ แม้กระทั่งสมาคมต่าง ๆ ที่ค้าขายในประเทศไทย ทั้งยุโรป ทั้งอเมริกา ต่าง ๆ ก็มาพบผมเป็น 100 บริษัท นายกสมาคมเขาก็พูด เขาก็เข้าใจสถานการณ์ในบ้านเรา แต่ผมก็แปลกใจว่าทำไมมีคนไม่เข้าหรือพยายามไม่เข้าใจ ที่จะส่งข่าวไม่ดีออกไปข้างนอก ก็ไม่รู้เหมือนกัน ประชาชนช่วยกันดูแล้วกัน

เราต้องทำให้เกิดความเท่าเทียมในการลงทุน โดยเฉพาะยิ่งต้องดูแลผลประโยชน์ของคนไทยด้วยเป็นหลัก ทั้งในการลงทุนในประเทศ และต่างประเทศ ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลต่างประเทศที่มาลงทุนในประเทศไทย ให้มีการแข่งขันโดยเสรี เกิดความทั่วถึง มีผลดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย ต้องมองหลายมิติ หลายมุม ถ้าเรามองปัญหามาอย่างเดียว ทำไม่ได้ทั้งหมด เพราะว่าปัญหาวันนี้มีหลายอย่างที่หมักหมมสะสมไว้ ไม่ได้แก้ไข หลายอย่างกำลังเดินหน้าอยู่ในขณะนี้ เรื่องการค้ามนุษย์ ก็เดือดร้อนไปหมดตอนนี้ ทั้งการประเมินของต่างประเทศ ทั้งการปรับองค์กรต่าง ๆ การลงโทษต่าง ๆ มากมายไปหมด การดูแลเหยื่อ การประมงที่ผิดกฎหมายเหมือนกัน ก็เดือดร้อนชาวประมง เขาบริสุทธิ์ใจ เขาเป็นคนที่มีรายได้น้อยอยู่แล้ว

วันนี้ก็ต้องมาถูกบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ คนที่รู้เรื่องทั้งหมดคือผู้ประกอบการ เจ้าหน้าที่ นายทุน รู้หมดอะไรผิด อะไรถูก แต่ท่านไม่ทำ ส่วนใหญ่ที่ทำก็ดี หากินต่อไป ส่วนไม่ทำพอถูกดำเนินคดี หรือถูกห้ามก็เดือดร้อนไปถึงแรงงานประมงด้วย อะไรด้วย จะเห็นว่าได้มีการประท้วงที่นั่น ที่นี่ ผมขอร้องอย่าทำเลย เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย เราต้องรักษาทรัพยากรสัตว์น้ำเหล่านั้นให้เจริญเติบโต เพื่อจะเป็นแหล่งอาหารของเรา เป็นแหล่งจับปลาของเราในอนาคต ถ้าจับตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ หมด ก็ไปหมด ไม่มี แล้วท่านจะไปจับปลาที่ไหนอีก ไปต่างประเทศเขาจับบ้าง อะไรบ้าง ระเบิดเรือทิ้งไปบ้าง เพราะไม่ทำตามกฎหมาย นอกจากในประเทศ และต่างประเทศยังทำผิดอีก วันนี้ขอบคุณคนที่เคารพกฎหมาย ขอบคุณที่ยอมรับในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในขณะนี้ว่า เราจำเป็นต้องเปลี่ยนแล้ว ในเรื่องของทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งทางบก ทางทะเล

เรื่องสายการบิน ICAO ตอนนี้ต้องออกมาตรา  44 เพิ่มเติมไปให้ไปช่วยกระทรวงคมนาคมในการที่จะแก้ปัญหา หลายอย่างมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยความร่วมมือของพวกเรากันเอง มีทหารอากาศเข้าไปช่วย ความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้าน จัดคนมาช่วย และเรื่องกฎหมายต่าง ๆ ที่เราออกกฎระเบียบมากมายไม่มีเลย มีน้อยมาก ก็อยากให้ทุกคนช่วยทำ และก็อย่าเร่งรัดจนกระทั่งผิดพลาดอีก กดดันมาก ๆ ต้องแก้ให้ได้ ก็เกิดมาเป็น 10 ปี แล้ว แก้ต้องใช้เวลา เราก็พยายามให้เร็วที่สุด เพราะเสียประโยชน์ชาติ ที่ผ่านมาคิดแบบนี้หรือไม่ ถ้าคิดก็ไม่เกิด

ในส่วนของความคิดต่าง ๆ ผมคิดว่าผมฉลาดไม่เท่านักการเมือง เพราะท่านมีความรู้ความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดินมามากกว่าผม ผมก็บริหารทหาร ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ก็มีคนไม่กี่แสน ผมคิดว่าท่านฉลาดกว่าผมแน่นอน เพียงแต่ท่านต้องมีธรรมาภิบาล มีคุณธรรม และดูแลทุกสุขประชาชน ดูแลข้าราชการ ให้เขาเข้มแข็ง ให้เขามีความภูมิใจในเกียรติยศและศักดิ์ศรีของเขา ก็อยู่กันได้ ประเทศเจริญแล้วเขาเป็นแบบนั้นหมดไม่สร้างความขัดแย้งซึ่งกันแล้วกัน และลดความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่ – ประชาชน ในการบังคับใช้กฎหมาย มีการส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง ทั้งกองทุน เงินกู้ยืม มาตรการทางภาษีมากมายไปหมด จะเห็นว่ามีมากไม่ใช่สั่งแล้วทำได้เลย ผูกพันหลายองค์กร กฎหมายหลายตัว และงบประมาณเราก็มีจำกัดในขณะนี้ เพราะต้องไปลงทุนด้วย แก้ปัญหาเดิมด้วย สิ่งต่าง ๆ ที่ตกต่ำด้วย จะเห็นว่าหลายอย่างทับซ้อนกันอยู่ ถึงผมจะไม่เข้ามาก็เป็นอย่างนี้ ที่เข้ามายังไม่มีโอกาสจะแก้ เพราะอย่างไรก็ต้องแก้

ในส่วนของ SMEs วันนี้ก็มีปัญหาเรื่องสำคัญหนึ่งเรื่องคือ เรื่องการขึ้นทะเบียนให้เข้ามาอยู่ในระบบ มีหลายท่านขอมาว่านิรโทษภาษี ผมยังไม่พูดเรื่องเก็บภาษีเก่าเลย ทำไมไม่พูดกันตรงนั้น ทำไมไม่พูดเริ่มต้นของใหม่ให้ดี ถ้าของใหม่ดีเริ่มไปแล้ว ไม่ทำอะไรเสียหาย ไม่ปฏิบัติตามกติกา โอเค ขั้นเปลี่ยนผ่าน ที่เขาเรียกว่าเปลี่ยนผ่าน ก็ไม่ต้องทำอะไรต่อ ไม่ต้องคิดทำอะไรให้เดือดร้อน แต่ถ้าเข้ามาหรือไม่เข้ามาก็แล้วแต่ แล้วมีปัญหาก็ต้องสอบสวนย้อนหลังไปหมด ผมอยากจะเตือนแค่นี้ จะมาบอกให้ยกเว้นภาษีทั้งหมด ทำได้หรือไม่ กฎหมายดำเนินการมาแล้ว ผ่านมาแล้ว ผมถึงบอกว่าหยุดตรงนี้ก่อนแล้วเดินหน้าให้ได้ อย่าย้อนกลับไปที่เก่า ถ้าบอกว่ายังไม่พูดคำนี้แล้วจะไม่เข้ามา ถ้าไม่เข้ามาก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายอยู่ดี เพราะฉะนั้นอย่ามาบ่นว่าเข้าถึงแหล่งเงินทุนไม่ได้ ไม่ทั่วถึง ก็เพราะท่านไม่เข้ากติกาแล้วจะให้ผมทำอย่างไร

เรื่องเงินทุนต่าง ๆ เรื่องการตลาด เรื่องแรงงาน เทคโนโลยีการผลิต การดีไซด์ การบริหารจัดการ การระบุข่าวสารทุกกิจกรรม รัฐก็ต้องเข้าไปอย่างเต็มที่ ข้าราชการทุกส่วนทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องจะต้องไปดูแลให้ครบวงจร ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง ในเรื่องของการผลิตตั้งแต่ต้น การลดต้นทุนการผลิต การส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งในประเทศและต่างประเทศ สร้างความเชื่อมโยงทั้งชุมชน จังหวัด ภูมิภาค วันนี้รัฐบาลได้มีการเตรียมการจัดตั้งตลาดกลางเพิ่มขึ้นในหลาย ๆ พื้นที่ เชื่อมโยงกับตลาดชุมชนและลดจำนวนการค้าขายชายแดน โดยกระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์กำลังดำเนินการอยู่ และรัฐบาลได้สั่งการให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์)  เร่งดำเนินการให้ได้โดยเร็ว

เรื่องการสร้างแรงจูงใจต่าง ๆ ผมคิดว่าเราจะต้องสร้างแรงจูงใจให้เขาเข้ามาในระบบให้ได้ทุกคน อย่าไปสร้างปัญหาใหม่เลย อย่าย้อนกลับไปตรงโน้นตรงนี้ ผมไม่อยากไปทำตรงนั้น นี่คือเรื่องการลงทุน เศรษฐกิจมีผลกระทบทั้งสิ้น ถ้าเข้ามาทันทีก็ไม่ต้องพูดเรื่องก่อนเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ไปทำเรื่องหน้า ถ้าไม่ทำความผิด ทำไมจะต้องเริ่มย้อนไปย้อนมาอีก เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้ว คนที่อยู่ในกระบวนการก็เป็นธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดย่อมทั้งสิ้น

เรื่องมาตรการทางการเงินคงทราบแล้วว่า มีโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำที่ใช้เป็นเงินหมุนเวียนวงเงินรวมไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาท จะให้ธนาคาร สถาบันการเงินต่าง ๆ เข้ามาร่วมด้วย ได้มีการพูดคุยกับสถาบันการเงินเหล่านั้นแล้ว และตกลงกันว่าทำได้แบบนี้ ที่ผ่านมาบางทีรัฐบาลออกไปแล้วทำไม่ได้ เพราะยังไม่พูดคุยกันข้างล่าง วันนี้ได้เชิญให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมาพูดคุยกัน ทุก Factor ว่าจะร่วมกันอย่างไร เป็นไปได้แค่ไหน ไม่อย่างนั้นนำออกไปแล้ว ประชาชนก็ให้เขาไม่ได้อีก

อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องการค้ำประกันสินเชื่อโครงการ PGS-5 วงเงินค้ำประกัน 1 แสนล้านบาท รายละไม่เกิน 40 ล้านบาทต่อสถาบันการเงิน  เรื่องของกระทรวงการคลัง มาตรการต่าง ๆ  ได้แก่ การลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับผู้ประกอบการ SMEs จากเดิมร้อยละ 15 หรือมากกว่า ให้เหลือร้อยละ 10 เพื่อบรรเทาภาระภาษีให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ในขณะนี้ และเพิ่มขีดความสามารถในการลงทุนของ SMEs ด้วย ช่วงแรกประมาณ 3 ปี ที่ตั้งบริษัทขึ้นมา ขนาดเล็กยังไม่มีกำไร ต้องต่อสู้หาตลาด ถ้ารัฐไปช่วยเรื่องเงินทุน เรื่องค้ำประกัน ลดภาษีให้เขาก็จะแข็งแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ และให้ความรู้เขามาก ๆ เรื่องการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับผู้ประกอบการ SMEs รายใหม่ (New Start-up) ก็ทำ ส่วนที่จะล้มอยู่แต่มีศักยภาพก็ไปช่วยเขาอีก ทุกอย่างรัฐบาลคิดทุกเรื่อง อันนี้รัฐบาลจะลดให้ 5 รอบ ระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกัน

สำหรับเรื่องมาตรการสนับสนุนผ่านการร่วมลงทุน มีทั้งการจัดตั้งกองทุนร่วมลงทุน แห่งละ 2,000 ล้านบาท รวมจำนวน 6,000 ล้านบาท เพื่อร่วมลงทุนกับ SMEs ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการลงทุนที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย ทั้งนี้ รัฐบาลจะไม่สามารถช่วยเหลือหรือสนับสนุนธุรกิจที่ยังไม่เข้าสู่ระบบได้ – ไม่มีการลงทะเบียนของภาครัฐ ถ้าทุกคนให้ความร่วมมือก็จะมีการสร้างงานในท้องถิ่น  การกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนมากขึ้น โดยรัฐบาลคาดว่า จะมีการลงทุนจะเพิ่มขึ้น ประมาณ 3,800 ล้านบาท และการบริโภคภาคเอกชน เพิ่มขึ้น 960 ล้านบาท ในอนาคต

เรื่องการปฏิรูป/ผลงานของสภาปฏิรูป ที่ได้ดำเนินการไว้ไม่เสียหาย อย่าไปคิดถึงมูลค่าอะไรเลย ถึงแม้จะมีความขัดแย้งบ้าง นั่นคือประชาธิปไตยที่ท่านบอกว่าท่านอยากได้ ก็เป็นแบบนี้ประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิ์มีเสียงจะพูด ถกแถลง เถียง จะไปว่าเขา ท่านบอกต้องการประชาธิปไตย พอเขาใช้ประชาธิปไตยข้างใน ท่านก็ไม่ชอบเขาอีก แล้วจะไปตรงไหน เวลามีการเลือกตั้ง มีการเลือกตั้งในสภา ผมเห็นยิ่งกว่านี้อีก นี่แหละคือตัวอย่างที่ท่านบอกว่าประชาธิปไตย

เรื่องการขับเคลื่อนการปฏิรูปที่จะตั้งใหม่ 200 คน ผมกำลังดูสัดส่วนต่าง ๆ อะไรต่าง ๆ แต่ละพวกแต่ละฝ่าย ทั้งนี้เพื่อให้นำแผนปฏิรูปของ สปช. ครั้งที่ผ่านมามาดูเพิ่มเติม ลดขนาดตรงนี้ ตรงโน้นไปบ้าง แล้วก็วางโรดแมปแต่ละเรื่อง ๆ แต่ละกิจกรรมนำไปสู่การปฏิบัติให้ได้ เสร็จแล้วก็ต้องมีกฎหมาย ต้องมีผู้กำกับดูแลหรือไม่ต้องไปว่ากัน ผมพูดว่าเมื่อสักครู่นี้ ก็ย้อนกลับไปเรื่องของ คปป. ที่ตั้งกันมา ผมไม่ได้ตั้งชื่อนี้ ผมเพียงแต่บอกว่าควรจะมีกลไกอะไรหรือไม่ ไปคิดมา เพราะฉะนั้นเราต้องทำให้เกิดความมั่นใจได้ว่า สิ่งที่เราทำวันนี้ถ้าดีต้องส่งต่อ และหาวิธีการให้เขาทำงานให้ได้ กระบวนการในหลักรัฐธรรมนูญหรือในการปฏิรูป ฯลฯ ต้องมีการเปลี่ยนแปลงจากปกติบ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ไม่ไปหลบเลี่ยงทั้งหมดกับเรื่องประชาธิปไตยโลกที่เป็นสากล ไม่อย่างนั้นเราไปไม่ได้แน่นอน ที่ผ่านมาก็เป็นตัวอย่างอยู่แล้ว ท่านต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นประชาชน นักการเมือง ข้าราชการต้องมีความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน และต้องไม่สร้างความระแวงต่อไป สร้างความเข้าใจผิดบิดเบือนต่อไป เป็นเรื่องของกฎหมายกระบวนการยุติธรรมให้ตัดสินไป ถึงจะเดินหน้าไปอย่างอื่นได้ ด้วยความเป็นธรรม ผมไม่ได้ไปก้าวล่วงอำนาจตุลาการ

การประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับรายงานสถานการณ์น้ำปัจจุบันจาก คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ที่ได้ชี้แจงว่า ในลุ่มน้ำและเขื่อนสำคัญต่าง ๆ  มีผลกระทบโดยตรงกับพี่น้องเกษตรกร ชาวนา เพราะฉะนั้นทุกคนก็รอว่ารัฐจะแจ้งเตือนอย่างไร จากการวิเคราะห์สถานการณ์ทั้งหมด ทั้งการปลูกข้าวนาปรังในช่วงปลายฤดูฝนปีนี้ และปีหน้า เนื่องจากเรามีน้ำต้นทุนที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ร้อยละ 10 – 20  เป็นพื้นที่ไป ฝนขาดช่วงและฝนตกนอกพื้นทีเขื่อนอีกด้วย  เพราะฉะนั้นก็ทำให้น้ำในเขื่อนหลัก ๆ ลดลงอย่างแน่นอน โดยรวมแล้วน้ำในเขื่อนหลักทั้ง  17 แห่ง ต่ำกว่าเกณฑ์ ร้อยละ 30 %  สมมุติว่ามีเกณฑ์ 100 ใช้แล้ว เหลือแค่ 30 ต้องใช้ต่อไปอีกน้ำอุปโภคบริโภค น้ำประปา น้ำเค็ม อะไรอีกมากมาย

เพราะฉะนั้นมีปัญหาแน่นอน นาปรังขอเตือนไว้เลย เขาจะออกมาตรการ เดี๋ยวมาโกรธผมอีก ถ้าไม่ได้ก็ทำไม่ได้ เสียหายมาอย่างไรก็ต้องเสียหาย ถ้าจะทำอย่างนั้น รัฐบาลจะไปหาทางว่าจะทำอย่างไรปรับเปลี่ยนอาชีพ ปรับเปลี่ยนการปลูกพืชก่อนได้ไหม พอน้ำดี แหล่งน้ำดี ฝนตกมา น้ำเพิ่มมากขึ้นก็กลับมาทำใหม่ก็ได้ แต่ตอนนี้ต้องไปทำอย่างอื่น ไปปลูกถั่ว ปลูกงา ฯลฯ ที่มีรายได้ ที่จะอยู่กินกันไปในช่วงนี้ที่น้ำแล้ง ต้องดูสถานการณ์ปีหน้าด้วย จะมีผลในเรื่องของการเพาะปลูกทั้งสิ้น ได้เร่งรัดให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์เข้าไปดูแล ทั้งการผลิต ต้นทุนการผลิต Demand Supply เครื่องไม้เครื่องมือ และในส่วนของโซนนิ่งพื้นที่ ซึ่งดูในเรื่องของการตลาดด้วย ต้องมีการบริโภคกันเองในประเทศ ขายชายแดน และส่งประเทศไกล ๆ ด้วย ต้องแข่งกับเขาได้ ถ้าต้นทุนเราสูง ราคาก็สูง ลดราคาแข่งกับเขาไม่ได้ เสียหายอีก นี่ก็เป็นประเด็นสำคัญ

สิ่งที่รัฐบาลทำเรื่องน้ำวันนี้ กำลังทำแหล่งเก็บกักน้ำเพิ่มเติม ในลักษณะแก้มลิง – ขนมครกบ้าง ใหญ่ ๆ คงทำยาก ก็ทำเล็ก ๆ ให้กระจายไปทุกจังหวัด ทุกพื้นที่ที่มีความแล้งซ้ำซากก่อน ที่เหลือก็จะทำต่อไปเรื่อย ๆ ทั้งในพื้นที่เขตชลประทาน และนอกเขตชลประทานต้องทำทั้งคู่ เพราะน้ำในเขื่อนน้อยลง ต้องพร้อมที่จะรองรับน้ำที่ใช้อุปโภคบริโภคด้วย

สิ่งหนึ่งที่ผมมีแนวคิดเกิดขึ้นมา ผมอยากให้ประเทศไทยมีทะเลสาบขนาดใหญ่หรือแหล่งน้ำถาวร เพื่อการประมง เพื่อสร้างอาชีพรายได้ในพื้นที่ที่ใต้เขื่อนหรืออยู่ข้าง ๆ ลำน้ำสาขา ลำน้ำหลักที่ลงไปประเทศเพื่อนบ้าน เป็นแม่น้ำระหว่างประเทศ เราต้องมีการดักน้ำพวกนี้ไว้ก่อน เขื่อนปากมูลก็เช่นเดียวกัน ผมให้กำหนดอยู่ในขณะนี้ อันนั้นหลัก อันนั้นสาขา 30 แห่ง ทางด้านแม่น้ำโขง – ปากมูล ด้านนั้นก็จะมีการเก็บกักน้ำ  ผันน้ำไว้ใช้ก่อน ก่อนที่จะปล่อยลงไปข้างล่าง เพราะวันนี้ปากมูลทุกคนก็อยากจะทำประมง ผมก็ไม่ได้ขัดข้องเพียงแต่เราต้องหาทางเก็บน้ำไว้ได้อย่างไร ถ้าทำประมงต้องทำได้ อยากจะปล่อยน้ำก็ปล่อยได้ ที่เกินความจำเป็นก็เอาออกไป แต่เราก็ไม่ได้ไปปิดเขื่อนตลอดเวลา มีปัญหามาตลอดต้องแก้ให้ได้ ทางด้านแม่น้ำสาละวินก็เช่นเดียวกัน ถ้าเป็นต้องไหนได้เป็นตรงพื้นที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นพื้นที่ของหลวงหรือเป็นที่ที่ทำอะไรไม่ค่อยได้ แต่เหมาะสมในการทำอ่างเก็บน้ำก็กำลังหาอยู่ ถ้าทำได้ก็จะเก็บกักน้ำก่อนจะลงแม่น้ำใหญ่สายหลักเอามาเก็บไว้ก่อน ขยายเป็นทะเลสาบก็เป็นแหล่งท่องเที่ยว แหล่งประมงอะไรก็แล้วแต่มากมาย ลองคิดแบบนี้ดู ก็สั่งการไปแล้ว กำลังหาอยู่

เรื่องการส่งเสริมอาชีพ การรวมกลุ่มวิชาชีพต่าง ๆ ก็จะมีการขึ้นทะเบียนให้ชัดเจนทำบัญชีเพื่อจะให้การช่วยเหลือได้โดยตรง ส่งเสริมการประกอบอาชีพในอนาคต ถ้าหากว่าทำนาไม่ได้ ปลูกพืชไม่ได้ เราก็จะนำผลจากการประเมิน มาจากปัญหาในอดีตที่ผ่านมาเราก็แก้ไขไปมากแล้ว ทำให้ดีขึ้น ปรับปรุงการบริหารจัดการ ปรับปรุงการทำงานของเจ้าหน้าที่ภาครัฐให้ดีขึ้น สั่งการไปแล้วก็ต้องติดตาม ประเมินผล และกำกับดูแล เพราะฉะนั้นหน่วยงานของรัฐทุกแห่งต้องร่วมมือกัน ร่วมกันประหยัดน้ำ

วันนี้เราให้ชาวนาประหยัดน้ำ เกษตรกรประหยัดน้ำแล้ว รัฐก็สั่งการไปแล้ว ที่ผ่านมาก็มีการใช้น้ำลดลงประมาณ 40% หลายหน่วยด้วยกัน 48% บางหน่วยก็ไปดูเรื่องก๊อกน้ำ ท่อที่รั่ว ๆ ด้วย ที่ผ่านมาอาจจะไม่ได้รับการเอาใจใส่หรือได้รับงบประมาณที่เพียงพอ ผมก็ให้ไปดูทั้งหมด รอบ 2 การปลูกข้าวนาปรัง ข้าวรอบ 2 ฤดูหน้าต้องระวัง พื้นที่ไหนที่ประกาศเตือน หรือประกาศห้ามก็ต้องระวังแล้วก็ไปหารัฐบาล ไปหาผู้ว่าราชการจังหวัด ไปหาส่วนจังหวัด ศูนย์เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ตั้งไว้ ไปหาที่ศูนย์บอกเขา “ผมจะทำอย่างไรดี ถ้าผมทำนาไม่ได้จะให้ทำอะไรดี” เขาก็จะให้ความรู้ท่าน ทั้งเรื่องการดูแลเมล็ดพันธุ์ เรื่องเงินทุน เรื่องปุ๋ย ฯลฯ ก็ร่วมโครงการกับเขา ถ้าท่านไม่ปรึกษาใคร ไม่ฟังใครเลย ก็เสียหายอยู่แบบนี้ แล้วรัฐบาลก็ต้องหาเงินไปอุดหนุนให้ท่าน ไม่ได้แล้ววันนี้ ทุกอย่างต่อเนื่องเชื่อมโยงกันไปหมด

เรื่องเหตุการณ์ที่ราชประสงค์  ขอขอบคุณทุกคน ทั้งเจ้าหน้าที่ประชาชนทุกฝ่าย ที่ทำให้สถานการณ์ปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น ขอบคุณสื่อด้วย การเสนอข่าวต่าง ๆ ก็ระมัดระวังมากขึ้น วันนี้ยืนยันว่าฝ่ายความมั่นคงยังทำงานอย่างแข็งขัน เพื่อจะดึงความมั่นใจกลับคืนมา  วันนี้ฝ่ายต่างประเทศและท่องเที่ยว โดยกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาก็รายงานว่าทุกอย่างก็สะดุดบ้างในระยะแรก วันนี้เริ่มดีขึ้นมาเรื่อย ๆ ก็มีการเดินสายไปต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ก็ไม่ได้อยู่กับที่ ไปหลายประเทศ ไปก็ประชุม ทุกคนก็เข้าใจ และพร้อมที่จะสนับสนุนในเรื่องของนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยเหมือนเดิม

ผมก็จะให้ไปดูเรื่องเงินประกันชีวิตอะไรต่าง ๆ ที่มีปัญหาอยู่บ้างเราต้องดูแลเขา ก็ขอความร่วมมือกับบริษัทประกันต่าง ๆ ด้วย ช่วยรัฐบาลให้เขาสามารถประกันได้ ทำประกันตั้งแต่ลงจากเครื่องบินมาที่สนามบิน มีโต๊ะ มีเจ้าหน้าที่อะไรก็ได้ หรือกระทรวงการต่างประเทศจะไปทำที่ไหนก็ได้แล้วเอาภาคเอกชนมาร่วมด้วย บางครั้งเขามาไม่ได้ประกันจากเมืองนอกมา และที่รัฐบาลดูแลเขาไม่ได้มากมายนัก

เพราะฉะนั้นจะได้จูงใจคนเข้ามาในประเทศไทยให้มากขึ้น เขาไม่ได้กลัว วันนี้เขาพูดหลายประเทศ เขาบอกเขาไม่กลัวเพราะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ไม่ได้เกิดขึ้นมากนัก และวันนี้โลกใบนี้มีมากปัญหาทุกประเทศ เพราะฉะนั้นปีนี้คาดว่าอีก 4 เดือนที่เหลือเราน่าจะสามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติได้อีก 10 ล้านคน โดย  8 เดือนที่ผ่านมา ที่มีบางฝ่ายหรือใครก็แล้วแต่ว่าไม่มีคนมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยแล้วกว่า 20 ล้านคน ถ้ามาอีก 10 ล้านคน ก็ขึ้นเป็น 30 กว่าล้านคน น่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจเราเดินหน้าไปได้ตามแผน ถึงแม้ว่าอย่างอื่นจะลดลงก็ตาม

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวของคนไทยว่าถึงเวลาที่คับขันเราจะไม่ยอมแพ้ ให้กำลังใจกับรัฐบาล สื่อต่าง ๆ ก็เข้าใจ ผมคิดว่าทุกอย่างจะสงบหรือไม่สงบ การสร้างความเข้าใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด สื่อสำคัญที่สุด การสร้างความเข้าใจในประเทศเอง การสร้างความเข้าใจกับต่างประเทศ เพราะฉะนั้นเรื่องอะไรที่ไม่เกิดประโยชน์ เรื่องอะไรที่เป็นข้อเท็จจริง และเกิดขึ้นมาแล้ว ได้รับการเสนอข่าวไปแล้วก็ไม่ต้องไปขุดคุ้ยอีกแล้ว ก็แก้ปัญหาไป นี่ก็ย้อนกลับไป กลับมาอยู่อย่างนี้ แล้วพอมีอีกคนเข้ามาคุ้ยเขี่ยขึ้นมาอีก ก็เดินไปกับเขาอีก แล้วที่ผมพยายามจะแก้พยายามจะให้เกิดความสงบจะเดินหน้าไปได้อย่างไร คิดก็แล้วกัน

วันนี้มีงานระดับชาติ 1 ใน 5 ของโลก ในการจัดงานอัญมณีในประเทศไทยครั้งนี้ ผมไปเปิดงานมาเมื่อวันก่อน “งานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ”(Bangkok Gem & Jewelry Fair 2015) ในห้วงที่ 10 -14 กันยายน 2558 ที่ ศูนย์ประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งที่ผ่านมาสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นสินค้าส่งออกหลักของเรา บ้านเราก็มีหลายกิจกรรมด้วยกัน ทั้งการเกษตร อัญมณี สิ่งทอ อุปกรณ์ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ เป็นหลาย ๆ อย่างประกอบกัน ค้าขายกับต่างประเทศ เรื่องอัญมณีเรามีศักยภาพมาก  และสร้างรายได้เข้าประเทศทุกปี มีมูลค่าสูงมาก ใน 7 เดือนแรกของปีนี้เราส่งออกมากเป็นลำดับที่ 3 มูลค่า 196,420 ล้านบาท เพราะฉะนั้นการแสดงสินค้าครั้งนี้อยากให้ท่านไปดู วันก่อนผมได้รับรายงานว่ามีคนไปดูทุกวัน ๆ  มีคนมา Matching มีคนกลางมาทำสัญญากับร้านต่าง ๆ ที่จัดขึ้นมาเป็นร้อยกว่าร้านค้า ทั้งของไทย และต่างประเทศมาร่วมด้วย เป็นที่ยอมรับอัญมณีของเราติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก งานนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงานประมาณ 8,000 คน จาก 160 ประเทศทั่วโลก ครั้งก่อนเราจัดงานใหญ่ ๆ แบบนี้คือเรื่องของการอาหาร ครั้งนี้เป็นเรื่องของอัญมณี เห็นมีคนมามากมายวันที่ผมเปิดงาน (10 ก.ย. 58) ผมพูดคุยกับท่านนายกสมาคมว่าจบงานแล้วน่าจะมีมูลค่าการซื้อขายประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นงานที่น่าสนใจ

อีกหนึ่งงานก็เป็นงานที่เกี่ยวกับเรื่องของเยาวชนไทยอายุระหว่าง 18 - 30 ปี คือ งาน “One Young World” จะเห็นได้ว่าทุกคนอยากมาเมืองไทย งานสำคัญ ๆ ก็มาเมืองไทย เราก็ต้องช่วยกันดูแลให้เกิดความปลอดภัย อย่าฝากอะไรกับใครไว้คนใดคนหนึ่ง หน่วยงานเท่านั้นไม่ได้ ทุกคนมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศในการสร้างความมั่นคง ปลอดภัยได้ทั้งหมด ในอนาคตด้วย

ในปีนี้กรุงเทพมหานครได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุม ถือเป็นครั้งแรกในทวีปเอเชีย อยากเชิญชวนเยาวชนที่สนใจเข้ามาร่วมกิจกรรม มีการจัดเวิร์คช็อปโครงการเพื่อสังคมกับศาสตราจารย์มูฮัมหมัด ยูนูส นายธนาคารผู้ก่อตั้งธนาคารกรามีน (Grameen Bank) ผู้ริเริ่มแนวคิด "Microcredit" ด้วย ลองฟังเขาดู เขาประสบความสำเร็จมาแล้วในต่างประเทศ และทำให้กิจการเหล่านี้คือสู่สังคมเป็นธุรกิจเพื่อสังคมจริง ๆ ก็ทำให้เกิดความเข้มแข็งในชุมชน ในท้องถิ่นมากมาย ลองฟังเขาดู จะเกิดแนวคิดว่าอะไรที่เหมาะสมกับบ้านเราและจะทำอะไรได้บ้าง ก็ขอเชิญชวนให้ติดตาม ถ้าหากว่าเป็นไปได้ก็บันทึกว่าท่านพูดอะไรอย่างไร ก็สร้างการรับรู้ ออกสื่อไปบ้าง พิมพ์แจกจ่ายไปบ้าง ต้องให้คนได้เรียนรู้ อย่าให้ทุกคนมุ่งแต่จะอยู่ในเรื่องที่แก้ปัญหาไม่ได้เหมือนเดิม เป็นหนี้เป็นสิน และไม่มีการพัฒนาทางความคิด ไม่ได้ ท่านจะบอกว่าเขาลำบาก แล้วไปเติมอย่างอื่น ถ้าไม่เติมวันนี้น่าจะไปเติมเมื่อไหร่ วันนี้เขาออกไปหมดจะทำอย่างไร ใครจะทำให้เรากินให้เราทาน

ปีที่ผ่านมามีผู้แทนเยาวชนไทยร่วมประชุมที่กรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ รวมทั้งหมด 41 คน โดยคุณ เพชรชมพู กิจบูรณะ ได้รับเลือกให้ขึ้นพูดบนเวที ในหัวข้อภาวะผู้นำและสถานการณ์บ้านเมือง(www.youtube.com/watch?v=I6GZ-xMDHgc)  การประชุมนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 - 26 พฤศจิกายนนี้ และยังเปิดรับสมัครผู้ที่สนใจไปจนถึงวันที่ 13 กันยายนนี้ ขอให้ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมจากข้อมูลด้านล่างนี้ด้วย(สมัครผ่านทางออนไลน์ได้ที่www.oneyoungworld.com/thai-young-leaders หรือ ติดตามรายละเอียดได้ที่ www.facebook.com/oywbangkok)

ผมอยากให้พี่น้องคนไทยทุกคนได้ร่วมใจกันให้การต้อนรับแขกต่างประเทศที่จะมาเยือนบ้านของเราด้วยรอยยิ้ม ไมตรีจิต และอัธยาศัยที่ดี และสร้างความปลอดภัยให้กับเขา เพื่อแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมและความสามัคคีของคนไทยให้ชาวต่างชาติที่เขาเคยประทับใจ ให้เขาประทับใจมากขึ้นไปอีกเรื่อย ๆ ขอบคุณครับ ขอให้มีความสุขในวันหยุดราชการ สวัสดีครับ

------------------------------

ที่มา : http://www.thaigov.go.th/