พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" เมื่อวันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม 2558

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" เมื่อวันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม 2558

วันที่นำเข้าข้อมูล 25 พ.ค. 2558

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565

| 4,697 view
รายการคืนความสุขให้คนในชาติ
 

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม 2558 เวลา 20.20 น.

สวัสดีครับ พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน

สัปดาห์นี้โรงเรียนและสถานศึกษาต่าง ๆ ทั่วประเทศ ก็เริ่มเปิดภาคเรียนแล้ว การศึกษานั้นผมถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลนี้ได้ให้การสนับสนุนดูแลมาอย่างต่อเนื่อง โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น ได้มีมาตรการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง โดยการจัดสรรงบประมาณอุดหนุนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย รวมทั้งสายอาชีพด้วย ซึ่งรวมความไปถึงค่าจัดการเรียนการสอน ค่าหนังสือเรียน ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเครื่องแบบนักเรียนคนละ 2 ชุด/ปี และค่ากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สำหรับกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ทัศนศึกษา คอมพิวเตอร์ เป็นต้น

สำหรับเรื่องการศึกษานั้น ผมขอแสดงความชื่นชมและยินดีกับเยาวชนไทย ที่ได้ไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติของเรา ในการประกวดผลงานทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษา ที่ใหญ่ที่สุดในโลก หรือ “ไอเซฟ” (ISEF : International Science and Engineering Fair)ที่จัดขึ้นที่พิตต์สเบิร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งผลงานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาของไทย ในเรื่อง “การศึกษาพฤติกรรมและปัจจัยที่มีผลต่อการพ่นใยเพื่อผลิตแผ่นใยไหม” ก็ได้รับรางวัลชนะเลิศมา ประเภทสัตวศาสตร์ ผลงานนี้พัฒนาโดย 1. นายนัทธพงศ์ เชื้อศิริถาวร 2. นายธนานนท์ หิรัณย์วาณิชชากร และ 3. นางสาวสุทธิลักษณ์ รักดี จากโรงเรียนดำรงราษฎร์สงเคราะห์ จังหวัดเชียงราย  ความจริงเยาวชนของคนไทยนั้น ส่งผลงานเข้าประกวดทั้งหมด 5 รายการ และประสบความสำเร็จ โดยคว้ามาได้ถึง 9 รางวัลในรายการนี้ ขอแสดงความยินดีและชื่นชมทุกคน ตั้งแต่ตัวเยาวชนเอง อาจารย์ ผู้ปกครอง รวมไปถึงทุกคนที่เกี่ยวข้องด้วย

ความสำเร็จครั้งนี้ถือเป็น “ก้าวสำคัญ” ของลูกหลานเยาวชนไทย ซึ่งถ้าได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจากทั้งภาครัฐหรือเอกชนนำไปขยายผล จนนำไปสู่ภาคการผลิต เชิงอุตสาหกรรม เชิงพาณิชย์ ก็จะสร้างมูลค่าเพิ่มได้ในอนาคต  เป็น “ภูมิปัญญา” ของลูก ๆ หลาน ๆ เราเอง ทั้งนี้ ประเทศพัฒนาแล้ว ต่างเริ่มจากจุดนี้ เราต้องใช้เวลาที่มีอยู่ให้เร็วที่สุด ช่วยกันพัฒนาให้สามารถที่จะก้าวทันประเทศอื่น ๆ ได้ หากเรายังคงใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมจากต่างประเทศมาทั้งหมดนั้น แล้วไม่สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาภายในประเทศ เราก็คงจะต้องเป็น “ผู้ตาม” อารยประเทศอยู่ร่ำไป และก็ต้องจัดหาซื้อมาต่าง ๆ ซึ่งมีราคาสูง เราต้องเร่งการผลิตให้ได้จากผลการวิจัยและพัฒนา ซึ่งผมได้เรียนไปหลายครั้งแล้ว

รัฐบาลให้ความสำคัญในแนวทางดังกล่าวนี้ ได้มีการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบนวัตกรรมของประเทศ (คพน.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้กำหนดนโยบายที่ชัดเจน มีมาตรการสำคัญ ในการนำพาประเทศสู่ความมั่งคง มั่งคั่ง และยั่งยืน  อาทิ

ด้านนวัตกรรม ประกอบด้วย การขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทย การใช้ตลาดภาครัฐนำร่อง เปิดตลาดให้กับสินค้า/บริการนวัตกรรมไทย การให้ภาครัฐจัดซื้อสินค้า/บริการที่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมไทยได้ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 แต่ไม่เกินร้อยละ 30 ของงบประมาณที่ได้รับ อันนี้จะต้องผ่านการรับรองมาตรฐานของเราเองก่อน และไปผ่านมาตรฐานต่างประเทศในระยะต่อไปด้วย ใช้ในประเทศให้ได้ก่อน

ด้านสร้างความเข้มแข็งของ SME ดำเนินการโดยการขยายผล “โครงการที่ปรึกษาเทคโนโลยีนวัตกรรม” เพื่อช่วยผู้ประกอบการในการแก้ไขปัญหาเชิงเทคนิค ซึ่งตั้งเป้าหมาย การพัฒนาผู้ประกอบการ ประมาณ 13,000 ราย รัฐจะร่วมมือกับภาคเอกชน จะร่วมสนับสนุนงบประมาณ 1ใน 3 ราวประมาณ 5,000 ล้านบาท และคาดว่าจะทำให้เกิดผลดีต่อ SME ทั้งในเรื่องของการเพิ่มกำไร ลดต้นทุน การเกิดผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม ทั้งในเรื่องของการเพิ่มการลงทุน การจ้างงาน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 90,000 ล้านบาท ภายใน 6 ปี

ด้านแหล่งเงินทุน มีการจัดตั้งกองทุนที่จะระดมเงินร่วมลงทุน ในลักษณะ Fund of funds โดยจะลงทุนผ่านกองทุนร่วมลงทุนที่จัดตั้งโดยมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย เพื่อเป็นแหล่งเงินทุน สนับสนุนการสร้างนวัตกรรมในเชิงธุรกิจ และการจัดตั้งที่เกิดจากผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยด้วย

เรื่องการส่งเสริมธุรกิจ SME นั้น ผมทราบดีว่ามีธุรกิจหลายอย่างด้วยกัน เราจำเป็นต้องส่งเสริมไม่ว่าจะการให้ความรู้ ทุน งบประมาณต่าง ๆ ที่จะสนับสนุน แต่ข้อสำคัญคือทุกคนต้องเข้ามาขึ้นทะเบียนให้เรียนร้อย เราจะได้รู้ว่าจัดระเบียบของท่านได้ จัดความต้องการของท่านได้ และจัดการสนับสนุน และสิทธิประโยชน์ให้กับท่านได้ ถ้าไม่มาขึ้นทะเบียน ไม่มาติดต่อกันเลย เราก็ไม่สามารถจะสนับสนุนได้อย่างทั่วถึง จะได้พิจารณาได้ว่าจะใช้งบประมาณอย่างไร ใช้วิธีการอย่างไร อันนี้ก็ได้ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)  ไปติดตามเรื่องนี้อยู่แล้ว

ด้านบริหารจัดการภาครัฐ เน้นการบูรณาการหน่วยงานภาครัฐ ในทุกมิติ เข้าใจดีว่าวันนี้รัฐมีข้าราชการจำนวนมากพอสมควร แต่วันนี้ถ้าเราบอกว่าต้องลดข้าราชการเลยทีเดียว คงอาจจะเป็นไปไม่ได้ เพราะวันนี้เรามีข้าราชการทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น ก็เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และภาคประชาสังคม ทุกภาคส่วนต้องเข้มแข็งให้เห็นก่อน ถ้าเห็นก่อนก็สามารถจะลดลงได้ ไปส่งเสริมภาคเอกชน ภาคประชาสังคม แล้วรัฐก็จะถอยหลังมาเป็นผู้กำกับดูแล ผู้อำนวยความสะดวกทางด้านกฎหมาย ทางด้านสิทธิประโยชน์ ด้านต่าง ๆ ผมว่าจะเร็วขึ้น การจะปฏิรูป การลดหน่วยงาน ลดข้าราชการ ผมอยากให้ไปทำในขั้นตอนการปฏิรูป

วันนี้ผมอยากให้ทำงานในขณะนี้ให้ได้ก่อน แก้ปัญหาให้ได้ก่อน แล้วเดินหน้าขั้นต้นของการปฏิรูปให้ได้ก่อน ส่วนภาคประชาสังคมก็ต้องมาช่วยกัน อย่าเพิ่งมาขัดแย้งกันเลยในขณะนี้ ผมเข้าใจความห่วงใยของทุกภาคส่วน ต้องเข้มแข็งก่อน อปท. และในส่วนภาคประชาสังคม ภาคเอกชน ถ้าท่านคิดเหมือนกัน คิดตรงกัน จัดกลุ่มได้ และเราจะเดินหน้าไปด้วยกัน ผมจะได้รู้ว่าทั้งประเทศเข้มแข็งแค่ไหน   วันนี้ผมได้ยินแต่ข้อความห่วงใยต่าง ๆ แต่ท่านก็ต้องพูดถึงกลุ่มของท่านเองด้วย ว่าท่านพร้อมแค่ไหน อย่างไร อย่าหวังเพียงให้รัฐไปสนับสนุนอย่างเดียว คงไปไม่ได้ทั้งหมด

ในส่วนของการบูรณาการร่วมกันนั้น เช่น กระทรวงแรงงาน วันนี้ต้องกำหนดตลาดแรงงาน ความต้องการแรงงาน เพื่อรองรับการก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน และเตรียมการเขตเศรษฐกิจพิเศษ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ต้องระมัดระวัง การเตรียมแรงงานต้องเพียงพอ 2. ไม่เกินจนเกินไป 3. ไม่มีคนมาใช้ประโยชน์ส่วนตรงนี้ ในเรื่องของการค้ามนุษย์ด้วย เก็บแรงงานไว้มาก ๆ แล้วเอาไว้ส่งบริษัทต่าง ๆ  ต้องไม่เกิดขึ้น เข้าค่ายผิดกฎหมายการค้ามนุษย์ด้วย การเคลื่อนย้ายแรงงานที่จดทะเบียนไว้ขั้นต้นแล้ว และก็ยังไม่ครบ 1 ปี  ก็ย้ายไปที่อื่นเหล่านี้ เป็นการทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายในระบบผมได้เน้นย้ำกระทรวงแรงงานไปแล้ว           

กระทรวงศึกษาธิการ เราต้องพร้อมในเรื่องของการผลิตแรงงานที่มีฝีมือในระดับหัวหน้า หรือที่จะขับเคลื่อน สั่งการ รับคำสั่งเป็นภาษาต่างประเทศได้ เพื่อจะป้อนภาคการผลิต ซึ่งหลายส่วน 7 – 8 กิจกรรม ในการที่เรามีความพร้อมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน มีกิจกรรมที่เรามีศักยภาพอยู่หลายอย่าง เราต้องป้อนสถานประกอบการเหล่านี้ด้วย

ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม เราต้องกำหนดปริมาณความต้องการผลผลิต ทั้งนี้ต้องสอดคล้องกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงต่างประเทศ ในการหาตลาดระบายสินค้า ทั้งภายในและต่างประเทศ กระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศ (ICT) สนับสนุนทุกกระทรวงในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทั้ง กระทรวงการคลัง ต้องสนับสนุนในเรื่องแหล่งเงินทุน

ในเรื่องของการที่จะให้ทั้งระบบมีการบูรณาการต่อเนื่องกันได้นั้น ผมอยากจะให้มอง อาทิเช่น ผลิตผลทางการเกษตร เรามองเรื่องราคากันอย่างเดียวคงไม่ได้ เพราะราคาปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ในตลาดโลกด้วย ในตลาดอาเซียนด้วย เพราะฉะนั้นผมก็อยากให้ทุกคนคำนึงถึงว่า เรากำหนด Demand กันหรือไม่ว่ามีความต้องการอย่างไร แค่ไหนในประชาคมโลกอื่น ๆ ไกล ๆ 2. คืออาเซียนด้วยกัน 3. ใช้ในประเทศ 4. ใช้ในชุมชน ถ้าเรากำหนด 4 อย่างนี้ได้ ก็คือคำตอบว่าท่านจะผลิตเท่าไหร่ ที่เรียกว่า Supply ( Supplier) ต้องทำให้สอดคล้องกับ Demand ที่มีทั้งในและนอกประเทศ ถ้ากำหนดหัว-ท้ายไว้อย่างนี้ ตรงกลางก็เป็นกระบวนการ กระบวนการตรงนี้ต้องมีตั้งแต่ในส่วนของชุมชน ประชาชน สหกรณ์ คือในชุมชนที่ประชาชนอยู่อาศัยกันเอง มีทางเลือกให้เขา

อันที่สองคือระดับที่เป็นภูมิภาค หรือเป็นจังหวัดต่าง ๆ ก็เชื่อมโยงกับจังหวัดอื่น ๆ ในกลุ่มอำนวยการจังหวัด ถ้าหาตลาดร่วมกัน ต่อไปก็ส่งไปสู่ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่กำลังจะจัดตั้งอย่างเร่งด่วน และไปสู่ประชาคมอาเซียน

เพราะฉะนั้นสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจนั้น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) รายงานว่า ในไตรมาสแรกของปี2558 (มกราคม – มีนาคม 2558) เศรษฐกิจไทยขยายตัว ร้อยละ 3.0  เป็นตัวเลขที่เราประมาณการจากการใช้จ่าย การนำเข้า การส่งออกต่าง ๆ หลายตัวอย่างประกอบกัน ก็ประเมินไว้อย่างนั้น เป็นตัวเลขที่เป็นการประมาณการทั้งสิ้น คาดว่าร้อยละ 3.0 จะเพิ่มมากกว่านี้ ลดกว่านี้ ขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งของเราเองด้วย รัฐก็พยายามเต็มที่ ต้องเข้าใจตรงนี้ด้วย บังคับตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้ ถ้าเราไม่เข้มแข็งพอก็ขึ้นไม่ได้มากกว่านี้ ถ้ามีมาตรการความเสี่ยงอย่างอื่นขึ้นมาอีก ปัจจัยภายนอกมาอีก ก็ลดลงกว่านี้ คือสิ่งที่เราบังคับไม่ได้ แต่เราต้องเตรียมความพร้อมไว้อย่างไร มีมาตรการชดเชยไว้อย่างไร ต้องคิดไว้ล่วงหน้าทั้งหมด วันนี้รัฐบาลก็สั่งการไว้อย่างนั้น

การขยายตัวของเศรษฐกิจขึ้นเป็นร้อยละ 3.0 ในไตรมาสแรกนั้น เนื่องมาจากการบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนภาครัฐ ซึ่งเป็นเรื่องแรกที่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น แต่ไม่ใช่ทั้งหมดอยู่แล้ว การลงทุนภาครัฐ อยู่ที่ทุกส่วนต้องช่วยกัน การท่องเที่ยวช่วงนี้เจริญเติบโตดี มีคนมาเที่ยว วันนี้ผมเห็นคนเข้ามามาก แถวทำเนียบรัฐบาลบ้าง แถวพระที่นั่งอนันตสมาคม แถววัดพระแก้ว แถวพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท มากมายไปหมด คนเดินกันเต็มไปหมด แสดงว่าเขาเกิดความเชื่อมั่นในสถานการณ์ในเมืองไทยแล้ว ก็ต้องช่วยกันรักษาไว้

อันนี้ก็เป็นผลจากที่รัฐบาลได้พยายามเร่งรัดทุกอย่าง ตั้งแต่การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ ในช่วงที่ผ่าน การสร้างความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ ความสงบเรียบร้อยภายในบ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ก็ทำให้ภาคธุรกิจ ภาคประชาชน และต่างชาติก็รู้สึกมั่นใจในการดำเนินการธุรกิจ ทำให้การดำเนินชีวิตเป็นไปตามปกติ ก็ต้องแก้ปัญหากันไปเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจที่มีความผันผวนตลอดเวลาเหล่านี้ วันนี้นักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยวเมืองไทยเพิ่มขึ้น นำรายได้เข้าประเทศมากขึ้น การจ้างงานก็เริ่มดีขึ้น  โดยในเดือนเมษายน 2558 มีการจ้างงานอยู่ที่ 37.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อันนี้เป็นผลงานที่เราได้ทำกันร่วมกันมา ทั้งรัฐและประชาชน

อย่างไรก็ตาม เรายังคงมีปัญหาเชิงโครงสร้างอีกมากมาย ต้องใช้เวลาในการปรับปรุงแก้ไขอีกนานพอสมควร ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งจากภาครัฐ เอกชน ประชาชน ประชาสังคมต่าง ๆ เหล่านี้ ภาคธุรกิจ ก็ต้องมาช่วยกัน เพราะว่าเราพึ่งพาการส่งออกสูงกว่าร้อยละ 73 และสินค้าส่วนใหญ่ก็เป็นด้านการเกษตรทั้งสิ้น ในรายได้ทั้งหมด 70% และเป็นเรื่องของธุรกิจ SME ด้วย ซึ่งเรายังเข้มแข็งไม่เพียงพอนัก รัฐบาลเร่งรัดมา 1 ปี แล้ว ปีนี้ก็จะเร่งรัดต่อไป

ขณะนี้ประเทศคู่ค้าของเราหลายประเทศ ทั้งในอาเซียน ในประชาคมโลกต่าง ๆ นั้น ก็ยังคงประสบกับปัญหาเศรษฐกิจในประเทศของตนเอง ทำให้ภาคการส่งออกของเราได้รับผลกระทบ ขณะเดียวกันภาคเกษตร เป็นอาชีพหลักของคนไทยกว่า 23 ล้านคน หรือร้อยละ 37 ของจำนวนประชากรทั้งหมด แต่ผลผลิตที่เกิดขึ้น คิดเป็นมูลค่าเพียง 8% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือ GDP เท่านั้น แสดงว่าราคาผลผลิตทางการเกษตรตกลง ถึงแม้จะขายได้มาก แต่ราคาตกเพราะเราถูกควบคุ้มด้วยกฎกติกา ด้วยพันธะสัญญาต่าง ๆ มากมาย การลดสิทธิประโยชน์ภาษีต่าง ๆ เราเป็นประเทศรายได้ปานกลาง ก็ถูกปรับลดหมด เพราะฉะนั้นราคาตกลงแน่นอน

เราต้องสร้างความเข้มแข็งตรงนี้ เราจะปรับโครงสร้างภาคการเกษตรอย่างไร เราต้องคิดตรงนี้เป็นเรื่องระยะยาว ส่งเสริมควบคู่กันไปด้วย กับการลงทุนในด้านอื่น ๆ เพื่อให้เกษตรกรไทย ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ และมีคุณค่ากับประเทศไทยมาเป็นเวลายาวนาน ให้มีความเข้มแข็งสามารถที่จะพึ่งพาตนเองได้ มีความสุข มีรายได้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ก็เป็นไปตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเราก็ได้วางแนวทางหลาย ๆ ไว้ดูแลพี่น้องเกษตรกร ผมได้พบเกษตรกรมาหลายครั้ง ให้เวลาเขามากในเวลาพบปะแต่ละครั้ง เราได้ช่วยเขาหรือว่าวางแผนเขา เช่น

เรื่องการจัดสรรที่ดินทำกินแก่เกษตรกรที่ไร้ที่ทำกินให้เหมาะสม ประเทศไทยมีพื้นที่รวมทั้งหมด 320 ล้านไร่ เป็นพื้นที่ถือครองเพื่อการเกษตร 147 ล้านไร่ เพราะฉะนั้นก็เกือบครึ่งหนึ่ง เพราะฉะนั้นต้องมีการดูแล การจัดสรรพื้นที่ให้เหมาะสม ให้มีการทำการเกษตรเป็นหลักเป็นแหล่ง สร้างชุมชนในชนบทให้ได้ เพื่อจะลดภาระให้การจัดสร้างสาธารณูปโภคไปท้องไร่ ท้องนาทั้งหมด หรือจัดน้ำบริโภคอุปโภค น้ำเพื่อการเกษตร ต้องจัดระเบียบใหม่ทั้งหมด วันนี้เราก็เริ่มต้นเท่านั้นเอง

การส่งเสริมการปลูกพืชที่เหมาะสมตามสภาพภูมิศาสตร์และปริมาณน้ำในพื้นที่ วันนี้ต้องยอมรับว่าพื้นที่เกษตรอยู่ในเขตชลประทานครอบคลุมเพียง 30 ล้านไร่ ประมาณ 20% ของพื้นที่การเกษตรทั้งหมด เมื่อสักครู่กล่าว 147 ล้านไร่ มีแค่ 20% เพราะฉะนั้นเราก็พยายามจะเร่งรัดให้ได้ร้อยละ 40% พอ 40% ไปแล้ว 60% ที่เหลือจะทำอย่างไร ก็ต้องโซนนิ่งพื้นที่เกษตรชัดเจน รวมถึง รวมไปถึงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในแต่ละพื้นที่ให้เหมาะสมทั้งในเขตและนอกเขตชลประทานด้วยการปลูกพืช ด้วยการจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มเติม อันไหนไม่ได้ก็ต้องไปปลูกอย่างอี่น ไปทำอย่างอื่น เลี้ยงสัตว์บ้าง หรือไปทำอะไรอย่างอื่นที่เป็นห่วงโซ่กัน ไปผลิตปุ๋ยต่าง ๆ เหล่านี้ เพื่อที่จะดูแลกันพวกเรากันเอง ในสหกรณ์ต่าง ๆ ให้เกิดความเข้มแข็งขึ้น และเป็นห่วงโซ่กันกับธุรกิจ ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ และจากสหกรณ์ไปเป็น SME เป็นบริษัทขนาดเล็กต่อไปเป็นเถ้าแก่ใหม่ต่าง ๆ ต้องคิดในภาครวมต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน พี่น้องเกษตรกรก็ต้องอดทน ผมพยายามจะดูแลให้ดีที่สุด

เรื่องการดูแลค่าลดต้นทุนการผลิต ผมดูแล้วหลายอย่างเมล็ดพันธุ์ก็แพง 2. คือเรื่องปุ๋ยก็แพง 3. ที่มีปัญหามากที่สุดคือการเช่าที่ดินทำกิน ผมเข้ารายละเอียดไปแล้ว ปรากฏว่าได้มีการเช่านาหรือเช่าที่ดินทำกิน โดยที่ไม่ได้ทำสัญญา ส่วนใหญ่จะไม่ทำกัน เพราะว่าขึ้นอยู่กับผู้ให้เช่า ผู้เช่ามักจะไม่ทำสัญญา และถ้าหากชาวไร่ชาวนา ไม่จ่ายค่าตอบแทนไปตามที่เขากำหนดมา เขาก็ไปให้คนอื่นทำ คือสิ่งที่เหมือนกับการมัดมือชกกันอยู่

ผมจะให้เข้าไปดูตั้งแต่ครอปนี้เป็นต้นไป และจะต้องมีกฎหมายต่าง ๆ ที่จะกำกับดูแลให้เป็นไปตามนี้ว่า การเช่าที่นั้นต้องทำสัญญาทั้งสิ้น ในสัญญาต้องระบุไว้ชัดเจนว่าในกรณีที่หากว่าไม่ปฏิบัติตามสัญญาจะทำอย่างไร ทั้งผู้ให้เช่าและผู้เช่า ต้องดูแลทั้งสองฝ่ายให้เกิดความสมดุล ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่อยากให้เช่า เขาอยากให้ออกก็ไม่ออก ก็ต้องแจ้งล่วงหน้ากี่เดือน 6 เดือนก่อนหรือไม่ต่าง ๆ ทำนองนี้ กำหนดค่าเช่าให้เป็นธรรม ที่ไหนมีน้ำ ที่ไหนไม่มีน้ำ

สัปดาห์นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ได้มีมติอนุมัติลดอัตราค่าธรรมเนียมการใช้ประโยชน์ที่ดินของราษฎร เดิมไร่ละ50 บาท/ปี เหลือไร่ละ 25 บาท/ปี ลดไปตั้ง 50% วัตถุประสงค์มุ่งหวังคือให้ทุกคนทำให้ถูกกฎหมาย มีสัญญาให้เรียบร้อย อย่าไปบุกรุกที่ดินจะได้นำไปขายได้ รับซื้อได้ต่าง ๆ ต่อไป ถ้าไม่อยู่ในเขตเอกสารสิทธิ์ จะลำบาก demand เท่าเดิม supply มากขึ้น ทั้งในพื้นที่มีเอกสารสิทธิ์กับไม่มีเอกสารสิทธิ์ ทำให้เกินไปมาก ๆ และราคาก็ตกหมด อย่างเช่น ยางในเวลานี้เกินไปเป็นล้านไร่ กำลังแก้อยู่ปีนี้น่าจะได้ 4 แสนไร่ที่จะลดลงไป จะทำให้ราคาดีขึ้น แต่ก็เป็นห่วงประชาชนที่มีรายได้น้อยที่บุกรุกเข้าไป ก็จะหามาตรการดูแล ในส่วนของนายทุนรีบออกมามอบคืนโดยเร็ว มีความผิดตามกฎหมายทุกอย่าง

ทั้งนี้ ได้มอบให้กรมป่าไม้ได้ดูแลการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ต่าง ๆ และให้มีการจัดทำแปลงเพาะชำกล้าไม้ และการปลูกป่าทดแทน โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม มีศูนย์เพาะพันธุ์ไม้ในชุมชน ในตำบล หมู่บ้านต่าง ๆ  ซึ่งทางกรมป่าไม้จะจัดหาเมล็ดพันธุ์และงบประมาณที่เหมาะสมแจกจ่ายให้แก่ราษฎรในพื้นที่ เขาจะได้ดูแลกันเอง สร้างศูนย์เพาะชำของเขาเอง ปลูกเอง ดูแล รัฐก็หาเงินทองให้เขาบ้าง ผมว่าน่าจะดีขึ้น อย่าหวังว่ารัฐจะทำคนเดียวแล้วก็เป็นบ่อเกิดของความไม่ไหววางใจ การทุจริตต่าง ๆ มากมายไปหมด ท่านต้องดูแลกันเองให้ได้ ท่านเข้มแข็งพอแล้ว รัฐก็จะลดจำนวนคน จำนวนหน่วยงานลงไป และทุกคนมาช่วยกัน

วันนี้ถ้ายังไม่เข้มแข็ง รัฐบาลกับข้าราชการก็ต้องอยู่อย่างนี้ไปก่อน ท่านต้องสร้างความเข้มแข็งให้ได้ภายใน 1 – 2 ปีให้ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นค่อยว่าไปสู่การกระจายอำนาจ การผ่อนถ่ายการใช้งบประมาณต่าง ๆ ซึ่งรวมความไปถึงการเก็บภาษีให้มีประสิทธิภาพด้วย ภาษีท้องถิ่นต่าง ๆ เหล่านี้ วันนี้อัตราภาษีเราก็ต่ำที่สุดในอาเซียนในขณะนี้ เพราะฉะนั้นหลายท่านก็เป็นห่วงว่ารายได้เราจะมาจากไหน ถ้าเราไม่สร้างความเข้มแข็งให้มากขึ้น การเก็บภาษีก็น้อยลง และอันตราภาษีเราก็ต่ำที่สุดในขณะนี้ แล้วจะไปกันอย่างไร ไปคิดให้ครบระบบ ถ้ามาติติ่งบ้างเรื่อง ก็ไปไม่ได้อยู่ดี

การสร้างความเข้มแข็งให้กับสหกรณ์และชุมชนเกษตรกรในพื้นที่นั้น เราต้องลดการพึ่งพาพ่อค้าคนกลาง หรือบริษัทต่าง ๆ ที่ผลิตออกมาเกี่ยวกับเรื่องต้นทุน โดยการต้องช่วยกันทำ ช่วยกันรวบรวม จำหน่ายสินค้า รวมความถึงการให้สหกรณ์เป็นแหล่งศูนย์กลาง รวบรวมปัจจัยการผลิต ทั้งปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ วันนั้นผมไปดูแล้วเขาก็ช่วยตัวเองกันหลายสหกรณ์แล้ว มีความเข้มแข็งขึ้น มีการผสมปุ๋ยใช้เองให้เหมาะสมกับพื้นที่ มีหน่วยงานไปตรวจสอบ ไปผลิตทั้งปุ๋ยเคมี บางอย่างก็จำเป็นอยู่ บางพื้นที่ก็ลดลง ที่ทำให้ดินเสีย แต่ต้องใช้ไปก่อน แต่เพิ่มสัดส่วนของการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ให้มากขึ้น และวันหน้าก็ลดทั้งหมด ก็ต้องไปอย่างนั้นก่อน อันไหนที่ลดได้เลย ก็ลดไปเลย อันนั้นเป็นพื้นที่ปลูกข้าวสุขภาพ ปลูกข้างอินทรีย์ ต้องทำให้ได้ จะได้เพิ่มราคามูลค่าของสินค้า เราต้องการช่วยเหลือสมาชิกเกษตรกรในพื้นที่ให้ได้ ถ้าท่านในพื้นที่ยังอยู่ไม่ได้ ขายไม่ได้ ราคาไม่ดี รายได้ท่านได้น้อย พ่อค้าคนกลางเอาเปรียบอีก ส่งไปขายต่างประเทศราคาตกอีก ตามตลาดโลกอีก มีปัญหาทั้งหมด

เพราะฉะนั้นถ้าเราสามารถทำได้ พึ่งพากันเอง แลกเปลี่ยนกันเอง ขายกันเอง แบ่งปันกันบ้าง และสร้างความเข้มแข็งรวมกลุ่มจากสหกรณ์เป็นธุรกิจ SME ก็ได้ เป็นบริษัทขึ้นมาก็ได้ วันนี้เป็นเรื่องของการพี่จูงน้อง เพื่อนเดินไปกับเพื่อน ไปหามา สร้างกลไกเหล่านี้เกิดมาให้ได้ SME วันนี้ถ้าไม่จดทะเบียนก็ลำบากเหมือนกับสหกรณ์มีอยู่ 6 อย่าง ตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 อย่าง มีความแตกต่างกันออกไป ตั้งแต่ผลิต ขาย จำหน่าย ออมทรัพย์มีหมด วันนี้ต้องไปปรับให้เข้าที่เข้าทาง ผมสั่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปแล้ว ขอความร่วมมือจากพี่น้องชาวเกษตรกรด้วย สร้างความเข้มแข็ง

เราต้องส่งเสริมการวิธีการสร้างมูลค่าเพิ่มการเกษตร เพื่อเพิ่มรายได้ เช่น มีการแปรรูปผลิตภัณฑ์ ช่วงนี้มีงานอยู่ที่เมืองทอง เป็นการพบปะระหว่างผู้ประกอบการกับผู้ผลิต การนำเข้า การส่งออก มีหลายประเทศที่มาร่วมงาน ถือว่าเป็นงานระดับ 4 ของโลก ให้ไปดูกัน เสาร์ - อาทิตย์ วันธรรมดาเขาจะให้ผู้ประกอบการไปเจอกัน เสาร์ – อาทิตย์ เขาขายจำหน่ายปลีกด้วย อยากให้ไปดู จะได้ภูมิใจอย่างที่ผมภูมิใจ เรามีบริษัททั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก มากมาย และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ก็ขายได้เป็นหลายหมื่นล้านในต่างประเทศ จะได้ไปดู แล้วอะไรที่เล็ก ๆ อยู่ที่ยังไม่พร้อมก็ไปดูเขาบ้างว่า เราจะต้องปรับปรุงตนเองอย่างไร ไม่ใช่ทุกคนก็ร้องหมด จะเอาอันนี้อันนั้นจะนำเงินไปลงทุน แต่ท่านไม่ดูความพร้อมของท่าน ไม่ได้ วันนี้หลาย ๆ อย่างรัฐบาลอนุมัติไปแล้ว ในการรับรองเงินกู้ต่าง ๆ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) แต่ตัวเลขต่าง ๆ บางทีท่านต้องดูตัวท่านเองด้วยว่ามีความพร้อมแค่ไหน ท่านมีศักยภาพแค่ไหน ถ้าท่านต้องการตัวเลขเดียวกันทั้งหมด ก็ไม่ได้ ก็จะนำเงินไปใช้อีหลุยฉุยแฉกอีก เพราะฉะนั้นผมต้องจัดระเบียบให้ได้ ท่านต้องเข้ามาหารัฐ รัฐก็จะไปจัดระเบียบให้ท่านว่าท่านอยู่ในเกณฑ์ไหน ควรจะเป็นวงเงินเท่าไหร่ ควรจะช่วยเหลืออะไรบ้างเหล่านี้ เป็นเรื่องของการพัฒนาทางด้านการเกษตร และการค้าขาย ทั้งในชุมชนทั้งในท้องถิ่น ในภูมิภาค ในชายแดน และประชาคมต่าง ๆ

ขอขอบคุณตัวแทนพี่น้องเกษตรกร ที่ผมพบมาหลายครั้งที่ผ่านมา ที่เข้าใจความตั้งใจของภาครัฐ เขาก็ชื่นชม เขาบอกว่าถ้ารัฐบาลทำแบบนี้มา เขาไปได้แน่นอน ที่ผ่านมาเขาไม่ได้รับการสอนแบบนี้ ก็แก้ปัญหาเป็นครั้ง ๆ ไป อันนี้เป็นสิ่งที่ท่านต้องไปตัดสินใจเอาเอง ว่าท่านต้องการแบบไหน ที่จะยั่งยืน ต้องคิดเป็นแล้ว ต้องคิดเอง ต้องศึกษาบ้าง ฟังบ้าง และปรับตัวเองให้ได้ อย่าไปคิดแต่เพียงว่าราคาอย่างเดียว ราคาจะผันผวนไปตามสถานการณ์โลก สถานการณ์ตลาดโลก แต่สิ่งที่ท่านจะช่วยกันได้ ขณะนี้คือการลดต้นทุนการผลิต ราคาจะต่ำแต่ถ้าต้นทุนต่ำ อย่างไรก็กำไร อย่าไปมองเรื่องราคาต้องเท่านั้นเท่านี้ บางทีไม่ได้ ขอรัฐจำนำ ขอรัฐประกันราคา แล้วจะไปขายใครเป็นภาระคลังเก็บ เสื่อมสภาพเข้าไปอีก และเสียหาต่อประเทศโดยรวม มีผลเรื่องการทุจริต ผิดกฎหมายเข้าไปอีก วุ่นวายไปหมด เพราะฉะนั้นต้องส่งเสริมให้เกษตรกรมีความเข้มแข็งของตัวเอง มีการเก็บในยุ้งฉางเองบ้าง หรือเก็บไว้ในคลังของสหกรณ์บ้าง รัฐรับผิดชอบไม่ไหว ต้องคลี่คลายตรงนี้ เพราะว่าเราไม่ต้องการผลประโยชน์อะไรทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นผมไม่คิดว่าเราจะไปบวกตรงไหน ให้รัฐบาลตรงไหน หรือใครไม่ใช่เลย ไม่มี

ขอขอบคุณที่ทุกคนจะช่วยกันแก้ปัญหาระยะยาว พี่น้องเกษตรกรหลายท่านมีการรวมกลุ่มกันแล้ว ช่วยเหลือ ร่วมมือกับภาครัฐเข้าไปหาศูนย์เกษตรกรที่จังหวัด มีอยู่ 882 ศูนย์ เข้าไปแล้ว อันนี้ผมให้ไปตั้งในหมู่บ้าน ตำบลที่มีผลผลิตให้เห็นแล้ว จะได้ไปดูกัน ไปแนะนำ ไปเรียนแบบนำไปทำที่บ้าน ตรงไหนที่ยังปลูกอยู่ พัฒนาให้ดีขึ้น ให้ได้ผลผลิตมากขึ้น ตรงไหนที่ไม่ดี ไปดูว่าเขาเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นเป็นอะไร ราคาเท่าไหร่ อยู่ได้หรือไม่ ถ้าทุกคนทำนา ทำไร่ แล้วมีที่เล็กน้อยเพียง 5-10 ไร่ ก็ลงทุนแพงไปหมด ต้องรวมกลุ่มนาให้ได้ อย่างน้อยก็ 100 ไร่ขึ้นไป รัฐบาลก็พยายามจะช่วย ได้มีการประชุมหารือกันหลายครั้ง ทั้งมาตรการเร่งด่วน มาตรการระยะยาว การช่วยเหลือลดต้นทุนการผลิต ทั้งเมล็ดพันธุ์ ทั้งปุ๋ย ทั้งในเรื่องของค่าเช่าที่นา ต้องเป็นรูปธรรมให้ได้ในปีนี้ ผมขออนุญาตสั่งการทุกกระทรวงไปที่เกี่ยวข้อง

เรื่องการช่วยเหลือจัดหาเครื่องไม้ เครื่องมือทางการเกษตรที่ทันสมัย อาจจะต้องไปอยู่กับกรมพัฒนา หรือกรมพัฒนาของทหารช่วยดูแลเป็น Motor Pool และไปช่วยร่วมมือกับท้องถิ่น กับกระทรวงมหาดไทย ในการที่จะไปดูที่รวมกลุ่มเป็นสหกรณ์ เป็นแปลงเกษตรใหญ่ ๆ จะได้ปรับราคาให้เท่าเทียมกัน และไปทำให้คนที่รับจ้างไถ รับจ้างทำอยู่แล้วปัจจุบัน เข้ามาร่วมมือกันตรงนี้ ราคาก็เท่าเทียมกันเป็นธรรม อย่าไปรีดเลือดกับปูกันอีกเลย ชาวบ้านก็ลำบากพออยู่แล้ว เห็นใจเขาบ้าง

เรื่องของประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ น่ายินดีที่ตอนนี้ ยางก็ราคาขึ้นพอสมควร ก็ไม่มากมายนัก 50 ขึ้นไป 55-57 เป็นระยะเวลาหนึ่งที่ดีขึ้น ดีขึ้นก็ต้องเตรียมรองรับมาตรการความเสี่ยง ว่าจะทำอย่างไร สิ่งสำคัญที่รัฐบาลต้องทำให้เกิดผลเป็นรูปธรรมคือการลดการผลิตยางในพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ ต้องไปดูแลว่าคนจนจะทำอย่างไร นายทุนจะทำอย่างไร นายทุนนี่มาได้เลย คืนมาได้เลย ไม่คืนก็ผิดกฎหมาย คนจนเดี่ยวหามาตรการก่อนว่าจะทำอย่างไร เราก็ต้องช่วยลดต้นทุนเรื่องยางนี่สำคัญ เหมือนข้าว เหมือนทุกอัน ถ้าต้นทุนสูง วันนี้ต้องไปดูต้นทุนการทำยาง นอกจากคนเป็นเจ้าของยางแล้วต้องไปดูคนกรีดยาง บางไร่ บางสวนก็ไม่ได้กรีดเอง ต้องไปจ้างคนมากรีด ไปดูว่ามีบริษัทมา หาคนมากรีดหรือไม่แล้วเงินทั้งหมดที่รัฐบาลทุ่มเทลงไปถึงเกษตรกร ถึงเจ้าของสวนยางเท่าไหร่ ถึงเจ้าของสวนยางเท่าไหร่ ถึงผู้กรีดเท่าไหร่ไม่ใช่วันนี้ให้เจ้าของสวนยางไปแล้ว บอกผู้ผลิตเดือดร้อน ผู้ผลิตก็จะเอาอีก

อันนี้ไม่ได้ท่านต้องไปจัดระเบียบของท่านให้ได้เมื่อวานพูดไปแล้ว จากนายกสมาคมสวนยางท่านรับปากว่าท่านจะไปดูแลให้ ไปจดทะเบียนให้ แล้วท่านประธานสมาคมเกษตรกรแห่งชาติก็มาช่วยดูด้วย คุณประพัฒน์  ก็รับผิดชอบไปแล้ว ท่านต้องช่วยรัฐอย่าให้รัฐไปตามอยู่คนเดียวไม่ได้นำข้อมูลมาเปรียบเทียบมาเช็คกันถึงความถูกต้อง เราจะทำให้เกษตรกรและผู้ประกอบการทั้งหมดมีรายได้เพิ่มขึ้นสร้างวงจร สร้างห่วงโซ่ทางคุณค่า Value Chain มาให้ได้แล้วต่อจากนั้นก็ไปสร้าง Connectivity กับ SMEs อื่น ๆ กับบริษัทใหญ่ส่งออก นำเข้า อะไรก็แล้วแต่ ต้องเชื่อมโยงแบบนั้น รัฐก็ถอยมามาดูแลหากฎหมายให้ สร้างความเข้มแข็งให้ หาทุนหาอะไรให้อันนี้ต้องเป็นอย่างนี้ อย่าไปทำแบบเดิมเลย

ขอขอบคุณ พี่น้องเกษตรกรทุกประเภทแล้วก็ผู้ประกอบการภาคเอกชน หน่วยงานภาครัฐ ข้าราชการทุกคนที่ร่วมมือ ร่วมใจกันแบบนี้ ภาคการเกษตรของเราจะเข้มแข็งได้ในเร็ววัน แล้วไม่ต้องไปเสี่ยงต่อการที่เศรษฐกิจโลกผันผวน ราคาลดอะไรต่าง ๆ ถ้าเราขายกันองได้ กินกันเองได้ราคาไม่ตกหรอกครับแล้วก็ถ้าเราไปรวมกับต่างประเทศเขาได้ หลาย ๆ ประเทศที่ทำกิจการร่วมกัน ถ้าตกลงกันได้ ร่วมมือกันได้ก็จะทำให้เรามีอำนาจในการต่อรองเรื่องอาหาร เรื่องยางเรื่องอะไรต่าง ๆ  ซึ่งเราเป็นประเทศที่ผลิตได้เป็นลำดับ 4 ตัวเลข ในโลก อาเซียนก็คือลำดับ 2 เพราะฉะนั้นก็ไปดูด้วยตรงนี้

เพราะฉะนั้นการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางอาหารของโลกนั้น มีความจำเป็น ไปดูที่ผมบอกเมื่อสักครู่ น่าสนใจ ร้านค้ามากมาย สิ่งของหลายประเภท ทั้งสัตว์น้ำ ทั้งพืชพันธุ์ธัญญาหารทั้งหมด ประเทศไทยยไม่ใช่ดินแดนที่ไม่มีความหวัง ไม่มีอนาคต มีความหวังทั้งสิ้ นแต่โอกาสที่มีอยู่นั้นเราได้ไขว่คว้ากันมาหรือยัง ท่านต้องนำวิกฤตต่าง ๆ นี้เป็นโอกาสอย่ามาสร้างความขัดแย้งกับผมกับรัฐบาล ท่านต้องนำสิ่งที่รัฐบาลพูดไปสู่การปฏิบัติให้ได้ทั้งรัฐ เอกชน ประชาชน ประชาสังคม สร้างความเข้มแข็งแต่ละส่วนขึ้นให้ได้เกิดความมั่นใจซึ่งกันและกัน อย่ามามองว่าทำอย่างนี้เดี๋ยวจะทุจริต ให้เงินไปอย่างนี้แล้วจะทุจริตอย่างนี้ อย่างนี้ไม่เอา เอาอย่างนี้ ถ้าอย่างนี้ไปไม่ได้ก็มาตรการที่ออกไปก็ทำไปแล้วถ้าทุจริตก็ว่ามา ถ้าทำให้ผมต้องยกเลิกก็มีอยู่แค่นี้ ถ้ารัฐไม่เข้าไปมีผลประโยชน์ด้วยก็จบแล้ว

การจำหน่ายสินค้าการเกษตรของไทยนั้น เราต้องนำมาแปรรูปให้ได้ อย่างวันก่อนผมไปดูเรื่องผมสั่งเขาให้นำข้าวไปทำขนมปัง ข้าว เขาก็ทำให้ดู เมื่อวานผมก็เลยไปพูดว่าผมก็ทานขนมปังตอนเช้าเหมือนกันทุกวันเลย ผมพูดเพื่อให้กำลังใจเขาไง คนทำทางนี้ก็มีคนมาติว่าไปขัดค่านิยมของผม ผมก็กะไว้แล้ว่าต้องใช้ของไทยกลายเป็นผมไปทานขนมปังฝรั่งเข้าไปอีก อะไรกันผมว่าไม่ถูก อะไรที่ผมพูดบางครั้งเป็นการพูดเพื่อยกตัวอย่าง เพื่อแสดง เพื่อจัดข้อเปรียบเทียบ ไม่ว่าในไหนก็แล้วแต่ ในแถลงการณ์ ในสภาบ้างหรือพูดในห้องประชุมบ้าง บางทีสื่อนำออกไปตีความผิด ๆ หมด เหมือนกับจับผิดผมหมดทุกอย่างเลย ไม่ใช่ ผมพูดต้องดูว่าเจตนารมณ์ผมคืออะไร แล้วไปช่วยทำความเข้าใจกับผม ไม่ใช่เตือนผมมาว่าเรื่องนี้ไม่ดี พูดไปแล้วต้องไปแก้เอาเองแล้วอย่างนี้จะเป็นสื่อไทยได้อย่างไร เป็นสื่อต่างประเทศหรือเปล่า เป็นสื่อไทยต้องช่วยกันสิครับ

ถ้ารู้ว่าจะมีปัญหาท่านก็ไปแก้ให้ผม เพราะท่านก็รู้ว่าผมเจตนาอะไร แต่ท่านเตือนผมแล้วท่านไม่แก้ให้ผม แล้วจะเกิดอะไรขึ้น งานสินค้าอาหาร 2558  ที่ผมเรียกคือ ไทยเฟค  (THAIFEX-World of Food Asia ปี 2015) ที่เมืองทองธานี รีบไปนะ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จัดมาร่วมกับภาคเอกชนแล้วก็โดยหอการค้าไทย จัดเป็นครั้งที่ 11 เป็นการจัดงานสินค้าที่ต่อเนื่องกับอาหาร จากผู้ประกอบการในประเทศ ต่างประเทศ ครอบคลุมสินค้าเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอาหารทุกประเภท อาหารฮาลาล บริการจัดเลี้ยงเทคโนโลยีอาหาร การบริการตอนรับ อาหารสำเร็จรูป อาหารจานด่วนมีหมด ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจแฟรนไซส์ การจัดงานครั้งนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานประมาณ  112,000 ราย ถ้าผมพูดวันนี้น่าจะเป็น 200,000 แล้ว ไปช่วยกันดู ผมไปมาแล้วเดินอีก 2 ชั่วโมงกว่าชิมทุกร้าน อร่อยทุกร้าน น่าปลื้มใจ มีหลาย ๆ ประเทศ นานาประเทศ ผมดูแล้วไทยยังมีศักยภาพอยู่ ดูดี ดูสวยงามดูน่าซื้อน่ากิน แล้วส่งออกเป็นหลายหมื่นล้าน หลายแสนล้านนั้นแหละคือธุรกิจการส่งออกทางด้านอาหารที่มีมูลค่าสูงขึ้น อาหารสำเร็จรูป อาหารกระป๋องอะไรเหล่านี้  แต่ทำอย่างไรเกษตรกรเราที่อยู่ตรงนี้ ที่เป็นคนปลูกจริง ๆ  ทำอย่างไรจะไปถ่วงโซ่เชื่อมต่อเขาตรงนี้ได้

ถ้าบริษัทใหญ่ ๆ ต่าง ๆ ก็แบ่งส่วนหนึ่งช่วยเกษตรกรรับซื้อไปผลิต ส่วนที่สองคือท่านจะปลูกของท่านเอง อันที่สามจะจ้างใครปลูกก็เรื่องของท่าน ท่านทำมา แต่จะให้เกิดสมดุลตรงนี้ ชาวไร่ ชาวนาก็ไม่รังเกียจก็ไม่มาโต้แย้ง ไม่ขัดแย้ง ทุกอย่างการค้าปลีก ค้าส่งต้องช่วยกันแบบนี้ ขอร้องภาคธุรกิจใหญ่ ๆ ผมพยายามที่จะอำนวยความสะดวกให้ท่านอยู่แล้ว เพราะท่านเป็นการสร้างธุรกิจแบบข้างชาติ ก็คือข้ามไปทำธุรกิจที่ต่างประเทศ มีรายได้เข้าประเทศ ผมยินดี แต่ทำอย่างไรท่านจะช่วยเราในประเทศไม่อย่างนั้นในประเทศก็ล้มฟุบไปหมด เพราะเขาสู้ต้นทุนกันไม่ไหว ท่านแบ่งมาให้ผมหน่อย ขอเลยนะครับ

เพราะฉะนั้น เราคาดว่าในงานนี้ เราน่าจะสร้างมูลค่าการซื้อขายจากการเจรจาธุรกิจภายในงานนี้กว่า 8,000 ล้านบาท อาจจะมากขึ้นกว่านี้ด้วยซ้ำไป ถ้าไปดูกันแล้ว ไปช่วยอุดหนุนแล้วกัน ซื้อปลีกก็ได้ รัฐบาลก็หวังว่าการสนับสนุนครั้งนี้จะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางอาหารโลกได้ในปีนี้ ในโลกใบนี้แล้วเราก็ไปนำสินค้าประเทศอื่น ๆ ที่เขาทำได้ดีแล้วเราก็เป็นศูนย์กระจายสินค้าก็ได้ เป็นศูนย์รวบรวมผลผลิตก็ได้ โรงงานอาจจะอยู่ที่ไหนก็แล้วแต่ ประเทศไหนก็ได้  จีเอ็มซี เขาอาจจะต้องที่โน่น เราก็รับสินค้าเขามา แล้วทำให้เกิดมูลค่าสูงขึ้น ส่งออกอะไรไปก็ไปว่ามา เราทำธุรกิจได้ทุกอย่าง เป็นประเทศเสรีประชาธิปไตยอยู่แล้ว วันนี้ก็ถือว่าเป็น ผมให้ทุกอย่างเดินหน้าไปหมดเราจะต้องวางรากฐานคมนาคมให้ยั่งยืนทุกมิติ

พ่อแม่พี่น้องประชาชนที่เคารพครับ วันนี้เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งก็นับเป็นเวลา 1 ปีเต็มที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เข้ามาบริหารประเทศไทยของเราร่วมกับประชาชนทุกกลุ่มทุกคนที่เป็นคนไทยครบรอบ 1 ปีพอดีสถานการณ์ประเทศเรา ก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 นั้น ทุกคนทราบดีถึงปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ความแตกต่างทางความคิดแล้วก็ซึ่งเกิดเป็นเวลานานไม่น้อยกว่า 10 ปี ในช่วงที่เกิดขึ้นมาแล้วนั้น คงไม่ต้องไปหาสาเหตุว่ามาจากอะไรยุติให้ได้แล้วกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้วงปลายปี 2556 – ต้นปี 2557 นั้น เกิดสถานการณ์ทางการเมืองทำให้เกิดติด Lock ต้องทำให้การบริหารราชการไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ แล้วเราก็ได้พยายามที่จะไปสู่การเลือกตั้งอยู่แล้ว เลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยแต่ก็ทำไม่ได้อีก เพราะฝ่ายหนึ่งว่าไม่ผิด อีกฝ่ายหนึ่งว่าผิด

ผมถือว่าทั้งสองโดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายที่ต่อต้านเขาก็มีความตั้งใจอีกอย่างหนึ่งในการที่จะทำให้ทุกอย่างชัดเจน ฝ่ายอดีตรัฐบาลก็พยายามที่จะรักษาอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินซึ่งเดินหน้าไม่ได้จริง ๆ ด้วยกฎหมาย ด้วยรัฐธรรมนูญต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ ก็เลยติดขัดไปหมดในเชิงบริหาร ในแง่มุมทางกฎหมาย กติกาต่าง ๆ ก็อาจจะเรียกได้ว่าประเทศไทยขณะนั้นติด Deadlock ติดกับคำว่า กับดักประชาธิปไตย

ในส่วนสำคัญที่ทุกท่านคงจำได้คือการแสดงออกทางการเมืองผู้เห็นต่างนั้นจำเป็นที่จะต้องได้รับการปฏิบัติที่เป็นไปตามกฎหมาย ดูแลความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินเกิดมาหลายครั้งแล้ว ทุกรัฐบาลในห้วงที่ผ่านมานั้น ต่างฝ่ายต่างก็เกิดทุกครั้งไปสลับกันไปกันมาแล้วก็ต่างฝ่ายต่างก็ใช้อาวุธสงครามโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ไม่หวังดีก็ทราบดีอยู่แล้ว มีอาวุธสงคราม มีการต่อสู้ด้วยความรุนแรง เจ้าหน้าที่ถูกพาดพิงต่าง ๆ มากมาย ต้องไปต่อสู้คดีทั้งที่เป็นการทำตามคำสั่ง ตามสิ่งที่ควรจะต้องกระทำ ผมดูแล้วทั้งโลกเขาก็ทำแบบนั้น ถ้าเกิดการจลาจล เกิดการใช้อาวุธสงครามก็ต้องมาดูแลความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน มีการประกาศกฎหมายพิเศษอะไรต่าง ๆ ก็ว่ากันมา แต่เราข้ามมาทุกอย่างแล้ว พ.ร.บ.ความมั่นคง พ.ร.บ.ฉุกเฉิน ก็เอาไม่อยู่

เพราะฉะนั้น จะทำอย่างไรได้ อันนี้ผมว่าเป็นอดีต อย่างให้เกิดขึ้นอีกเลย อดีตคืออดีต อย่าให้เกิดขึ้นอีก อะไรที่ไม่ดีอย่าไปทำอีก เราทำปัจจุบันให้ดีกว่า เพื่อสร้างปัจจุบันวันนี้ให้เป็นอนาคต แล้วอดีตเหล่านั้นอย่าให้เกิดขึ้นมาอีกเท่านั้นเอง เราแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เราสร้างอนาคตได้ สร้างปัจจุบันได้

สถานการณ์ที่ผมกล่าวมานั้น ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งแรงขึ้น ๆ ไปเรื่อย ๆ ตามลำดับ เหมือนกับประเทศชาติจะล่มสลายลงไป ในช่วงเวลานั้นประชาชนคนไทยเกือบทั้งประเทศก็ไม่ยอมรับในกติกาทั้งสิ้นทั้งปวง ต่างคนต่างมีความคิดเห็นของตัวเอง เจ้าหน้าที่รัฐทำงานไม่ได้ บังคับใช้กฎหมายไม่ได้ รัฐบาลก็แก้ปัญหาไม่ได้ ก็เลยเกิดคณะรักษาความสงบแห่งชาติขึ้นมา เข้ามาควบคุมสถานการณ์ โดยใช้กฎหมายพิเศษบ้าง อะไรบ้าง และเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าไปได้ เร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วน สิ่งที่บกพร่อง ไม่ถูกต้อง นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ให้ไปต่อสู้กันอย่างเป็นธรรม ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน รวมทั้งอันที่ไม่สอดคล้องกับพันธกรณีที่มีไว้กับนานาประเทศ ทั้งนี้เราก็ต้องแก้ปัญหานี้ทั้งหมด บางอย่างตกลงเขาไปแล้วไม่ได้ทำ บางอย่างไม่สอดคล้องกับเขาก็ไม่ได้ปรับปรุงให้ทันสมัย วันนี้ต้องแก้ไขทั้งหมด เพื่อสร้างความเข้มแข็ง สร้างความเชื่อมั่น ความไว้วางใจในการค้าการลงทุนให้กับประเทศไทยของเรา

ระยะแรก ทุกคนทราบดี คสช. ได้เข้ามาบริหารราชการประมาณ 5 เดือน เริ่มดำเนินการยุติความรุนแรง และความสงบเรียบร้อย ปราบปรามอาวุธสงคราม สิ่งผิดกฎหมาย บ่อนการพนัน ยาเสพติด บุกรุกทำร้ายป่า การจัดระเบียบสังคม ปราบปรามผู้มีอิทธิพล และทำให้กระบวนการยุติธรรมสามารถทำงานได้โดยไม่มีแรงกดดัน

ระยะที่สอง คือหลังจากมีรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 แล้ว จัดตั้งรัฐบาล รัฐบาล ข้าราชการทุกคนก็ได้ทุ่มเท แรงกายแรงใจในการบริหารราชการ สร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศ ก็อาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง ความไม่เข้าใจกันบ้าง ความไม่ไว้วางใจกันบ้าง ก็ยังมีหลงเหลืออยู่ ผมพยายามที่จะให้ความเป็นธรรมทุกภาคส่วนทุกคน อะไรที่ถูกก็ว่าไป อันไหนที่ผิดหรือยังไม่ชัดเจนก็ข้อกระบวนการไป ปัญหาสำคัญที่เรากังวลมากก็คือปากท้องพี่น้องประชาชน แล้วพอดีปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่โชคดีที่ราคาน้ำมันต่ำลง แต่ก็มีผลกับเรื่องภาษี สรรพสามิตภาษีน้ำมัน ทั้งทำให้รายได้ของประเทศลดลงอีก มีทั้งวิกฤตและโอกาส ปัญหาการค้ามนุษย์ก็มีเข้ามาอีก ทำประมงผิดกฎหมายก็เข้ามาอีก ปัญหาโรฮีนจาก็ซ้อนเข้ามาอีก หลาย ๆ อย่าง ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้พึ่งเกิด เป็นปัญหาที่เกิดมานานแล้ว หมักหมมมานานแล้ว ฝ่ายความมั่นคงเขาพยายามแก้มาอยู่ตลอด วันนี้ก็ต้องให้ทั้งฝ่ายการเมือง ฝ่ายความมั่นคง แล้วก็ประชาชนทุกภาคส่วนร่วมมือกันทั้งหมด พลเรือน ตำรวจ ทหาร ต้องแก้ไขจริงจัง โปร่งใส เป็นธรรม

รัฐบาลได้จัดกลุ่มงานเป็น 5 กลุ่ม เรียนอีกครั้งหนึ่ง คือ 1. กลุ่มงานความมั่นคง กระทรวงหลักก็มีอยู่แล้ว  กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อะไรต่าง ๆ เหล่านี้ที่มีผลกระทบกับทรัพยากร กับคน 2. กลุ่มงานเศรษฐกิจก็กระทรวงการคลังบ้าง อะไรบ้าง ด้านเศรษฐกิจเขาคงทราบอยู่แล้ว 6 – 7 กระทรวงนี้ สังคมจิตวิทยา เรื่องการศึกษา สาธารณสุข การต่างประเทศ มีกระทรวงการการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งมีความติดต่อเชื่อมโยงกับต่างประเทศ

ที่สำคัญที่สุดก็คือ กลุ่มงานกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ของกระทรวงยุติธรรม ปรับทุกอย่างทั้งระยะสั้น ระยะยาวก็เตรียมแผนการปฏิรูปไว้ให้ สร้างบรรทัดฐานไว้ให้ แสวงหาความร่วมมือกับทุกประเทศรอบบ้าน สร้างเครือข่ายในการบังคับใช้กฎหมายให้เกิดความเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ให้มีความใกล้เคียงกัน เราจะได้ขจัดได้ทั้งระบบเรื่องการทุจริตผิดกฎหมาย การลักลอบเข้าเมืองบ้าง ยาเสพติดที่ไปทุกประเทศ ทุกภูมิภาคแล้วในขณะนี้ ไทยต้องดำเนินการให้ได้ ร่วมมือกัน แล้วบางอย่างก็ต้องแข่งขันกันกับนานาอารยประเทศได้ด้วย ต้องมีความเชื่อมโยงกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นต้องอาศัย พึ่งพาซึ่งกันและกัน ร่วมมือกัน และมีการไว้วางใจซึ่งกันและกัน ลดความหวาดระแวง และมีส่วนแบ่งผลประโยชน์ที่เป็นธรรมกับทุกประเทศ ที่ทำการค้าการลงทุนหรือเป็นพันธมิตรกัน

ในส่วนของการปฏิรูปประเทศ ระยะต่อไป ให้สภาปฏิรูปแห่งชาติเป็นผู้ดำเนินการ อันนี้ผมกราบเรียนอีกครั้งหนึ่งว่าสภาปฏิรูปแห่งชาติจะมีหน้าที่ในการที่ไปทำกระบวนการในการปฏิรูปต่อจากรัฐบาลผม จาก คสช. ให้ต่อออกไป ไม่ใช่ไปลื้อของผมตั้งแต่แรก เพราะฉะนั้นรัฐบาลก็เดินหน้ามาอย่างนี้เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล ของ คสช. ผมต้องการวางรูปแบบ ๆ นี้ แล้วท่านก็ไปวางว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร ท่านจะไปแก้อะไรของผม ก็ไปแก้วันหน้าโน้น แก้ไขของผมตั้งแต่ต้นวันนี้ ที่ผมทำทั้งหมดก็บกพร่องหมดเลยไม่ได้ ผมไม่ยอมตรงนี้ เพราะฉะนั้นวางแนวทางให้เกิดความต่อเนื่องจากรัฐบาลนี้ได้ทำไว้ คสช. ทำไว้ หาวิธีการที่เหมาะสม มีกลไกที่จะควบคุมไม่ให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม ท่านไปคิดกันออกมา อย่าให้ผมเป็นคนตัดสินใจทั้งหมดได้หรือไม่ ท่านไปคิดมา ผมจะได้มีทางเลือกว่าประชาชนต้องการแบบนี้ ทุกคนบอกตกลงกันไม่ได้ แล้วให้ คสช. ตัดสิน แล้วผมต้องใช้อำนาจ แล้วจะจบไหม ตอบผมหน่อยแล้วกัน ผมไม่อยากให้เกิดปัญหากับมาอีกในอนาคต

วันนี้เป็นวันครบรอบ 1 ปี เพราะฉะนั้น คสช. ได้ดำรงเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ในการคืนความสุขให้คนในชาติตลอดมา คืนมากบ้าง น้อยบ้าง ตามลำดับของปัญหา ปัญหาน้อยก็คืนให้เร็ว ปัญหามากก็คืนให้ช้า หรือปัญหาซับซ้อนยังคืนไม่ได้ ก็ต้องใช้เวลา ขอขอบคุณในความร่วมมือร่วมใจ จากพี่น้องประชาชนทุกท่านเป็นอย่างสูง ขอบคุณสื่อทุกสื่อที่มีความหวังดี มีเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการที่จะช่วยรัฐบาล แต่ก็ขอให้ระวังหน่อยการเสนอข่าวต่าง ๆ ก็ขอให้เสนอแนวทางแก้ปัญหาเข้าไปด้วย นอกจากเสนอปัญหาอย่างเดียว บางครั้งผมก็ใช้คำชี้แจงค่อนข้างจะละเอียด ท่านก็ตีความผมให้เข้าใจ ให้ถูกต้อง สงสัยอะไรก็ถามมา ถ้าท่านเสนอปัญหา เสนอความรุนแรงอย่างเดียว ก็รังแต่ว่าจะสร้างความขัดแย้งไปภูมิภาค ไปต่างชาติที่เขามองประเทศไทยเป็นอะไร ตรงนี้ขอแค่นี้เอง ไม่ได้ให้ปกปิดอะไรทั้งสิ้น ช่วยกันเดินให้ได้ แล้วก็บอกว่ารัฐบาลกำลังทำเรื่องนี้ เรื่องนั้น กำลังแก้โรฮีนจา อย่างนี้ เรื่องศูนย์อพยพที่พักพิงก็ต้องไม่เกิดขึ้น เพราะวันนี้เรามีศูนย์อพยพอยู่แล้วตั้ง 9 ศูนย์ 8 จังหวัด แสนสี่หมื่นคน 20 ปีแล้ว แต่ก่อนมี 4 – 5 แสน ออกไปได้ 20 กว่าปี ยังเหลืออยู่อีกแสนเก้า จะทำอย่างไร เพราะนี่คือหน้าที่ที่เรามีต่อ UN อยู่แล้ว อันที่ 2 ก็คือตามแนวชายแดน เนื่องจากประเทศรอบบ้านเราก็มีประชาชนอยู่ใกล้กับเขตแดนไทย เพราะฉะนั้นการศึกษาเล่าเรียน การเข้าโรงพยาบาลอะไรต่าง ๆ รัฐบาลไทยดูแลทั้งสิ้น นี่หน้าที่ของเราที่มีต่อพันธะสัญญาโลกในเรื่องของมนุษยธรรม

เพราะฉะนั้นเราคงไม่สามารถที่จะไปรับอะไรเพิ่มเติมได้มากไปกว่านี้โดยไม่จำเป็น แต่อะไรก็ตามเราก็ต้องใช้เริ่มตั้งแต่การแก้ปัญหาด้วยการดูแลเรื่องมนุษยธรรมก่อน ต่อไปก็สอบถามความสมัครใจเขา มีกฎของ UN อยู่แล้ว เขาอยากทำอะไร อยากไปไหนก็ต้องถามเขาดูก่อน แต่ถ้าเข้ามาในเขตไทยมีกฎหมายไทยอยู่ชัดเจน เข้ามาก็ต้องอยู่ในพื้นที่ควบคุม ดำเนินคดีไปตามกฎหมาย อันนี้ก็ไม่ใช่ศูนย์อพยพพักพิงแล้ว เป็นพื้นที่ควบคุม ขอให้เข้าใจด้วยกฎหมายไทยเป็นอย่างนั้น ถ้าสมมติว่าอยู่ในตรงนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ก็จะบานปลายไปเรื่อย แล้วทำอย่างไร

เพราะฉะนั้นวันนี้ก็มีการหารือกัน มีการประชุมกันในวันที่ 29 พฤษภาคม 2558 ก็ไปคุยกันในนั้นต่อ ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง ไทยก็ต้องเอาปัญหาของเราให้เขาทราบด้วยว่า คนแสนเจ็ดหมื่นนี้ จะทำอย่างไรต่อไป แล้วที่กำลังควบคุมอยู่ในเรื่องของการกระทำผิดกฎหมายข้ามแดนมีทั้งโรฮีนจา มีทั้งหลาย ๆ ประเทศ อยู่ในที่ควบคุมของ ตม. มากมาย เราก็ต้องขยับขยายให้มีความสุข ความสบายขึ้น ไม่อย่างนั้นเราก็โดนองค์กรต่าง ๆ มาตำหนิอีก นี่คือสิ่งที่เราดูแลอยู่แล้ว หนึ่งต้องตามหลักมนุษยธรรม ตามกฎกติกาของโลกเป็นมติ ก็ทำทั้งหมด แต่เรื่องการที่จะรับผิดชอบอะไรอย่างนี้ ก็ว่ากันอีกที ตามเหตุผลและความจำเป็น ของเราก็มีมากอยู่แล้ว บางคนก็ลืมไปแล้วว่าเรามีศูนย์ที่พักพิงอยู่แล้ว 9 ศูนย์

เพราะฉะนั้นความหวังของเรา เราก็จะดำเนินการทุกเรื่องให้ประเทศไทยของเรามีความสงบเรียบร้อยแบบนี้ เพื่อจะมีอนาคต มีความเจริญรุ่งเรืองต่อไปในภายภาคหน้า วันนี้เราก็ได้มีการปรับรูปแบบการบริหารราชการ การใช้จ่ายงบประมาณ การวางแผนยุทธศาสตร์ระยะยาว แล้วก็ประชาชนจะต้องมีความสุข มีความพึงพอใจ เรากำหนดวิสัยทัศน์ของเราไว้แล้ว “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมั่งคั่งอย่างยั่งยื่น” ก็ขอให้ประชาชนทุกคน ทุกภาคส่วนกรุณาให้ความร่วมมือ ให้กำลังใจกันบ้างกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และอย่างยอมให้ใครมาทำให้บ้านเมืองเสียหายอีกต่อไป แล้วก็อย่าไปฟังคำพูดต่าง ๆ ที่มีการบิดเบือน สงสัยอะไรถามผมมาทุกเรื่อง ผมตอบได้ทั้งหมด ก็ขอให้ร่วมมือกับเราต่อไป หวังเป็นอย่างยิ่งว่าประเทศชาติของเรานั้นจะมีอนาคตที่ดี และประชาชนทุกคนมีความสุข ขอบคุณครับ สวัสดีครับ

                                                                                                         ที่มา : http://www.thaigov.go.th/